ข่าวข่าวต่างประเทศ

พญ. ผู้ค้นพบ โควิดโอไมครอน เผย อาการ ผู้ป่วยไม่รุนแรง

แพทย์หญิงที่ค้นพบ โควิดโอไมครอน เปิดเผยว่า อาการ ของผู้ป่วยไม่รุนแรง สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ อาการต่างกับโควิดเดลต้า

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน สำนักข่าว BBC ได้สัมภาษณ์ ดร.แอนเจลีเก คูตซี ประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นผู้ค้นพบโควิดโอไมครอน ที่เป็นจับตาอยู่ในขณะนี้เป็นคนแรก โดยแพทย์หญิงคนดังกล่าวระบุว่าผู้ป่วยโควิดโอไมครอนส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรงและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้

Advertisements

นาง คูตซี กล่าวว่าเธอสังเกตว่าผู้ป่วยที่ติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในคลินิก 7 ราย มีอาการป่วยที่ต่างออกไปกับผู้ป่วยที่ติดโควิดสายพันธุ์เดลต้า และมีอาการที่เบา

นอกจากนี้เธอยังได้เล่าว่าเธอได้พบคนไข้ชายที่แจ้งกับเธอว่า พวกเขาเหนื่อยมากและมีอาการปวดตัว และ ปวดหัว ไม่เจ็บคอ ไม่ไอ และไม่สูญเสียการรับรู้กลิ่นหรือรสชาติ

เธอบอกว่า การแสดงอาการประเภทนี้ดูจะไม่ใช่เรื่องปกตินัก จึงตัดสินใจทำการตรวจหาเชื้อ และพบว่าผู้ติดเชื้อรายนี้และสมาชิกในครอบครัวทั้งบ้านล้วนติดเชื้อ แต่พวกเขามีอาการไม่รุนแรงมาก

“แต่ในวันเดียวกันนั้น ฉันพบผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นที่แสดงอาการแบบเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเราถึงทราบว่านี่เป็นเชื้อสายพันธุ์ใหม่” เธอบอก รวมแล้วในวันที่ 18 วันเดียว เธอพบผู้ป่วยโควิด-19 ที่แสดงอาการต่างจากปกติทั้งหมด 7 ราย เธอจึงส่งเรื่องไปยังสถาบันโรคติดต่อแห่งแอฟริกาใต้ (NICD) ให้ทำการตรวจสอบ จนกระทั่งส่งเรื่องมายังองค์การอนามัยโลก (WHO) ในวันที่ 24 พ.ย. ในที่สุด ยืนยันว่าเป็นการพบโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ถูกจัดระดับให้อยู่ใน “สายพันธุ์ต้องกังวล (VOC)”

โดยประธานสมาคมการแพทย์แห่งแอฟริกาใต้คาดว่า โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้น่าจะส่งผลกระทบกับประชาชนที่มีอายุ 40 ปี หรือต่ำกว่า พร้อมระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 โอไมครอนยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่ไม่ว่าจะฉีดหรือยังไม่ฉีด ล้วนแสดงอาการป่วยไม่รุนแรง

Advertisements

 

 

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button