ทส. รุดตรวจ แท็กซี่ อายุการใช้งานสูง 12 ปี พบไม่ผ่านเกณฑ์ 55%
ทส. ทำการรุดตรวจสอบอย่างเข้มข้นกับรถบริการ แท็กซี่ ที่มีการขยายอายุการใช้งานเพิ่มจาก 9 เป็น 12 ปี พบว่าจากในเวลานี้ 685 คัน ไม่ผ่านเกณฑ์ถีง 380 คัน หรือ 55%
ในวันที่ 9 ก.พ. อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ทำการเปิดเผยว่าจากการที่มีการขยายอายุการใช้งานของรถบริการ แท็กซี่ เพิ่มขึ้นจาก 9 เป็น 12 ปี แต่ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 1 ปี โดยทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นั้น หลังทำการตรวจสอบพบว่ามีรถที่ไม่ผ่านเกณฑ์ถึง 55% ด้วยกัน
โดยเป็นการเริ่มต้นจากกรณีกลุ่มแท็กซี่มายื่นหนังสือเรียกร้องกับ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ให้ทบทวนเรื่องการเยียวยาขยายอายุรถแท็กซี่จาก 9 ปี เป็น 12 ปี นับตั้งแต่ที่จดทะเบียนเป็นครั้งแรก จำนวน 87,000 คัน เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ในช่วงสภาวะการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งทางกระทรวงได้มีการตอบรับ
ทั้งนี้แล้วรถแท็กซี่ทั้งหลายจะต้องมีการตรวจสภาพรถเพิ่มขึ้นอีกจาก 3 ครั้งต่อปี มาเป็น 4 ครั้งต่อปี เพื่อป้องกันในส่วนของปัญหาฝุ่นละออง และปัญหามลภาวะที่ส่งผลต่อสุขภาพของผู้คน
ซึ่งจากการตรวจสอบ ณ ส่วนตรวจสภาพสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 กรมการขนส่งทางบก ให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. เริ่มให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.64 มีจำนวนการเข้ารับการตรวจสภาพเพื่อต่ออายุทั้งสิ้น 685 คัน
- ผ่านการตรวจสภาพ 305 คัน คิดเป็น 45%
- ไม่ผ่านการตรวจสภาพ 380 คัน คิดเป็น 55%
- โดยรถอายุ 9 ปี ไม่ผ่าน 50%
- รถอายุ 10 ปี ไม่ผ่าน 58%
- รถอายุ 11 ปี ไม่ผ่าน 74%
- ส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสภาพด้านมลพิษ (คาร์บอนมอนอกไซด์/ไฮโดรคาร์บอน)
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้กล่าวว่า“เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรฯ การแก้ไขปัญหาการขยายอายุการใช้งานรถแท็กซี่จาก 9 ปีเป็น 12 ปี ต้องไม่กระทบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทางกลุ่มแท็กซี่ต้องเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว เสียค่างวดผ่อนรถ รถอายุมากก็ปล่อยมลพิษมาก ก็ต้องดูแลบำรุงรักษาสภาพรถและเข้ารับการตรวจสภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด ประชาชน สังคมก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้ การเปิดจุดบริการตรวจสภาพรถแท็กซี่ที่ประสงค์จะขอขยายอายุการใช้งานรถจาก 9 ปีเป็น 12 ปี จะขยายไปยังส่วนตรวจสภาพสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่อื่นๆต่อไป”
แหล่งที่มาของข่าว : ข่าวสดออนไลน์
สามารถติดตามข่าวทั่วไปเพิ่มเติมได้ที่นี่ : ข่าวทั่วไป