เผยความคืบหน้าคดี สั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ช่วย ‘บอส อยู่วิทยา’ ส่งฟ้อง 29 ส.ค.
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยความคืบหน้าสั่งฟ้อง 8 ผู้ต้องหา ช่วย บอส อยู่วิทยา เตรียมส่งฟ้อง 29 ส.ค. คาดใช้เวลาพิจารณาคดีพอสมควร
นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีอาญาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ. ตร. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก รวม 8 คน ตามมติของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งมา ในกรณีเปลี่ยนแปลงสำนวนและลดความเร็วรถของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา บอส ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต คดีดังเมื่อปี 2555
โดยนายวัชรินทร์ กล่าวว่า ตามที่ ป.ป.ช.มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด แจ้งมติที่ขอให้ดำเนินคดีอาญา ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 7, นายเนตร นาคสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 10, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9, นายธนิต บัวเขียว ผู้ถูกกล่าวหาที่ 12, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 13, รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 19 ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาและดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน ตามมติของ ป.ป.ช.ว่า
ภายหลังอัยการสูงสุด มีคำสั่งรับดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.2567 ขั้นตอนเมื่อรับดำเนินคดี ก็เท่ากับเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยช่วงเช้าวันที่ 29 ส.ค.นี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คนจะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ก่อนนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็นแรกคือ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้
คดีดังกล่าว ทางป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา เมื่ออัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้อง อัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง ซึ่งคดีนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน จึงสิ้นสุดขั้นตอนของป.ป.ช. และเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องแล้วก็จะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี
ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาคดีพอสมควร เพราะจะใช้ระบบพิจารณา เป็นระบบไต่สวน โดยทางฝ่ายโจทก์ก็จะนำพยานเข้าสู่ศาล ในการสืบพยานไม่ว่าพยานบุคคล พยานเอกสารหรือพยานวัตถุส่วนทางจำเลยทั้งหมดก็มีสิทธิ์ต่อสู้ทางคดี ซึ่งการตัดสินว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิดหรือไม่ จะเป็นดุลยพินิจของศาล เบื้องต้นคาดว่ากระบวนการของศาลจะเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 1 ปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง