(ไวรัล) ผู้รอดชีวิต เล่านาทีหนีตายจาก “ฮามาส” นอนรวมกับศพ ใช้เลือดพรางตัว
เกือบไม่รอด! สาวเล่านาทีหนีตาย หลังฮามาสบุกถล่มงานดนตรีอิสราเอล เพื่อนถูกสังหารต่อหน้า ต้องทำเป็นใจเย็น ก่อนหนีไปนอนรวมกับศพ ใช้เลือดพรางตัว
ผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง ได้ออกมาเล่าประสบการณ์หนีตาย จากสงครามในอิสราเอล หลังกลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกเข้าไปถล่มงานเทศกาลดนตรีที่เธอทำงานอยู่ เผยตำรวจแนะให้วิ่งหนีและสวดภาวนา ก่อนเห็นเหยื่อคนอื่นถูกฆ่าตายต่อหน้า ต้องทำท่าทีเป็นโอนอ่อนและใจเย็น สุดท้ายถูกปล่อยตัวให้วิ่งหนี แต่ไร้ทางไปต้องแสร้งนอนรวมกับศพนาน 3 ชั่วโมง กว่าจะถูกทางการช่วยเหลือ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เพื่อนสนิทไม่รอด
เจ้าของไอจีชื่อ may_hayat คือคนที่รอดชีวิตจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายฮามาส เธอได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นลงโซเชียลมีเดียว่า เธอไปทำงานกับเพื่อนที่ชื่อลีรอน ในงานเทศกาลเพลง Nova โดยพวกเธอทำงานกับตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนถึงตอนเช้า แล้วจึงไปพักผ่อนในรถเทรลเลอร์ ก่อนจะได้ยินเสียงการโจมตีด้านนอก
พวกเธอตั้งใจจะหลบอยู่เงียบ ๆ และรอให้เหตุการณ์สงบ กระทั่งเพื่อนด้านนอกโทรมาบอกว่า เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ขับรถหนีออกไปถูกยิง ทำให้เธอตกใจและรีบวิ่งไปหาตำรวจที่ใกล้ที่สุด ตำรวจจึงให้พวกเธอเข้าไปหลบในห้องบัญชาการ โดยภายในห้องนั้นมีคนหลายคนซ่อนอยู่ ผู้คนต่างร้องไห้ หวาดกลัว บางคนก็มีอาการแพนิค โดยพวกเธอต้องนั่งลงบนพื้น ซึ่งเธอคอยปลอบคนอื่น ๆ ในขณะที่ลิรอนช่วยทำแผลให้คนที่บาดเจ็บ
The accounts coming out from the music festival are horrific. They need to be shared. The world needs to know the evil that innocent people faced this weekend.
Here is one account from one of the survivors May Hayat (part 1/2):
So I went to work with my girlfriend Liron at… pic.twitter.com/fxmzdXxohk
— AG (@AGHamilton29) October 9, 2023
ต่อมาเสียงปืนดังใกล้มากขึ้น ตำรวจได้ออกมายืนขวางประตูไว้ พวกเขาดูกลัวไม่ต่างกัน แต่ก็ได้หันมาบอกให้ทุกคนวิ่งหนีและสวดภาวนา ก่อนที่ตำรวจเหล่านั้นจะถูกสังหาร ด้านผู้ก่อการร้ายก็ได้ยิงกราดเข้ามาในห้อง ทำให้พวกเธอต้องวิ่งหนีออกมาในที่โล่งด้านนอก ทว่าโชคร้ายที่ลิรอนเพื่อนของเธอไม่ได้ออกมาพร้อมกัน
คนที่รอดพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด ก่อนที่เธอจะพลัดพรากกับคนอื่น และมีผู้ชายคนหนึ่งตะโกนเรียกให้มาหลบด้วยกัน จากนั้นไม่นานเธอเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามา เขาเป็นผู้รอดชีวิตอีกรายที่จะขับรถหนีและเรียกให้พวกเธอไปด้วยกัน แต่ผู้ก่อการร้ายทีเห็นกลับรัวกระสุนใส่ไม่ยั้ง สุดท้ายพวกเธอไปไหนไม่ได้และรถก็ติดในหล่มทราย ทำให้เธอและชายที่ช่วยเธอไว้ต้องลงจากรถ ส่วนคนขับรถได้หายตัวไปแล้ว
พวกเธอวิ่งจนมาเจอกับหลุมกลางพื้นทราย จึงเข้าไปซ่อนตัวกันเงียบ ๆ กันสองคน และคิดถึงแผนแกล้งตาย โดยเธอได้เอาทรายมาถมใส่ตัวเองและอยู่ให้เงียบที่สุด ทว่าไม่นานก็มีเสียงคนเดินมา และผู้ก่อการร้ายประมาณ 8 คนก็ได้เจอพวกเธอ พวกมันกระชากเธอกับผู้ชายคนนั้นขึ้นมาจากพื้น และพูดใส่โทรศัพท์ว่าเจอตัวประกันอีก 2 คน ก่อนที่จะเริ่มค้นของมีค่าจากกระเป๋าเสื้อและกางเกงของทั้งคู่
ผู้ก่อการร้ายพูดภาษาอาหรับกับเธอ เธอจึงบอกไปว่าเธอไม่เข้าใจที่เขาพูด โดยเธอพยายามใจเย็นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด แต่แปลกที่หนึ่งในนั้นมอบแจ็คเก็ตมาคลุมร่างให้เธอด้วย เนื่องจากตอนนั้นเธอสวมเพียงเสื้อกล้ามเท่านั้น ในขณะที่คนอื่น ๆ มองเหมือนเธอไม่ใช่คน ก่อนที่ผู้ก่อการร้ายคนเดิมจะเข้ามาลากเธอที่ข้อมือ ในขณะที่มืออีกข้างถือขีปนาวุธเอาไว้ด้วย
เธอสังเกตว่าระหว่างที่ถูกลากไปบนทางเดิน พวกผู้ก่อการร้ายมองหาของบนพื้นอย่างบุหรี่และขวดเครื่องดื่มไปด้วย เธอจึงแกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาเก็บของจากพื้น ให้อีกฝ่ายตายใจว่าเธอไม่ได้ต่อต้าน แต่ผู้ชายอีกคนที่โดนจับมาด้วยกัน กลับเอาแต่ร้องไห้และคร่ำครวญ จนเธอต้องบอกว่าอย่าทำให้พวกเขารำคาญ ซึ่งเขาเงียบได้แค่ครู่เดียว ก่อนจะทรุดลงร้องไห้อย่างหนัก และพวกผู้ก่อการร้ายก็ตัดสินใจฆ่าเขาต่อหน้าเธอ
ผู้ก่อการร้ายคนหนึ่ง คอยเอากระดานไม้ฟาดหัวเธอไปตลอดทาง ส่วนอีกคนที่ถือมีดซึ่งฆ่าชายที่หนีมากับเธอ ก็พยายามแสดงท่าทีคุกคาม เพื่อให้เธอหวาดกลัวและอับอายต่อสถานการณ์นั้น แต่คนที่ลากข้อมือฉันก็พยายามบอกให้คนอื่นสงบและทำทีคล้ายปกป้อง จนกระทั่งพวกเราเดินไปถึงรถคันหนึ่ง ทว่าโชคดีมากที่จู่ ๆ รถกลับสตาร์ทไม่ติด ทำให้คนที่ถือมีดหันมาพูดกับเธอว่า ถ้าหนีฉันจะฆ่าเธอเหมือนที่ฆ่าเพื่อนเธอเมื่อกี้
เธอจึงทำได้แค่ยืนรออยู่ตรงนั้น แต่แปลกที่ผู้ก่อการร้ายที่คอยลากเธอมาบนทางเดินกลับบอกให้เธอรีบหนีไป เธอตกใจและไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ แต่ก็ตัดสินใจวิ่ง และเมื่อหันกลับไปมองพบว่าไม่มีใครหันกระบอกปืนมาทางเธอ เธอจึงรีบวิ่งหนีให้เร็วสุดชีวิต
ผู้รอดชีวิตเล่าว่าเธอหนีกลับมาที่เวทีของงานเทศกาล และทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ ศพผู้เสียชีวิต 3 ราย ก่อนจะเอาเลือดที่ไหลจากศพมาทาบนร่างกายตัวเอง และแกล้งทำเป็นนอนตายนานกว่า 3 ชั่วโมง ในตอนนั้นมีผู้ก่อการร้ายจำนวนมากเข้ามาตรงเวที และเดินผ่านร่างของเธอไปมา พวกเขาสุ่มยิงและเผาไหม้สิ่งของหลายอย่าง
ก่อนที่ในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา เธอจะได้ยินเสียงคนพูดภาษาฮีบรู ทำให้เธอรีบตะโกนขอความช่วยเหลือ แล้วพบว่าคนที่มาก็คือทหารอิสราเอล พวกเขาพาเธอไปหาทีมแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมกับผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ โดยเสียงปืนยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ พร้อมกับที่เธอเห็นภาพอันน่าหดหู่กลางลานสังหาร
Part 2/2:
The guy who was with me didn’t stop crying and begging for his life. I tried to explain to him that he needs to stop crying, “It annoys them, stop crying and everything will be fine.” They had knives and hammers. I realized we were in danger.
At first he listened to…
— AG (@AGHamilton29) October 9, 2023
เธอกล่าวว่ากลุ่มก่อการร้ายได้ฆ่าจิตวิญญาณของเธอไปแล้ว ซึ่งเธอได้แต่หวังว่าตัวเองจะกลับมาเป็นปกติในสักวัน ส่วนลิรอนเพื่อนที่มาทำงานด้วยกันได้จากโลกนี้ไปแล้ว
ด้านชาวเน็ตที่อ่านเรื่องราวของเธอต่างก็พากันเห็นใจ ในขณะที่บางส่วนไม่เข้าใจว่า เหตุใดกลุ่มฮามาสถึงปล่อยเธอหลบหนี ซึ่งบางคนได้เข้ามาแย้งว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสบางคนอาจเพียงต้องการแค่สงครามเพื่อแย่งชิงดินแดนอิสราเอล แต่ยังเป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์ ผิดจากกลุ่มที่โหดร้ายและฆ่าคนบริสุทธิ์ ซึ่งในปัจจุบันเรื่องราวของเธอได้ถูกอ่านในโลกออนไลน์ไปมากกว่า 5 ล้านครั้งเลยทีเดียว.