‘เทพไท’ เผย ‘จุรินทร์’ รู้ประวัติ ‘ปริญญ์’ อยู่แล้ว อวยเป็นสุภาพบุรุษยอมรับผิด
เทพไท เผย จุรินทร์ ทราบประวัติของ ปริญญ์ อยู่แล้ว หลังถูกท้วงขณะเสนอชื่อ พร้อมอวยจุรินทร์เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับผิดตามข้อเท็จจริง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเฟซบุ๊กพูดถึงกรณีที่ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคที่ในขณะนี้ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดทางเพศ และมีผู้เสียหายปรากฏตัวขึ้นมาเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุดนายเทพไทออกมาแฉว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รู้ถึงพฤติกรรมของนาย ปริญญ์ มาก่อน แต่ยังผลักดันให้ขึ้นรับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค
โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “ทำไม นายจุรินทร์ จึงยอมรับว่า มีส่วนสำคัญ ในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค จากการที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และต้องขอถือโอกาสนี้ กราบขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะหัวหน้าพรรคขอเรียนว่า ตนมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค
แม้ว่ากระบวนการจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค และการดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จะต้องผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจจะทราบการณ์ล่วงหน้าว่า จะเกิดอะไร ขึ้นอย่างไร แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องรับผิดชอบ ต้องร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด
ผมคิดว่าคำพูดของนายจุรินทร์ที่ยอมรับว่า มีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เข้าเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้สังคมอย่กรู้ว่า มีส่วนสำคัญอย่างไร จึงขออนุญาตอธิบายตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนี้
1.นายปริญญ์ เป็นบุคคลภายนอก ซึ่งเพิ่งเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ การเข้าสู่ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องมีคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรค ข้อ 31 ระบุว่า สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้ง เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และเป็นสมาชิกติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่สมาชิกที่มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
(1)เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค
(2)เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค
(3)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรค
(4)เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค
(5)เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง
(6)สมาชิกที่ประชุมใหญ่ มีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมใหญ่ มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค
ซึ่งถ้าพิจารณาตามข้อบังคับพรรค นายปริญญ์ ขาดคุณสมบัติการเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ใช้สิทธิ์เสนอตามข้อ31(6) ขอให้ที่ประชุมใหญ่ มีมติยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อให้นายปริญญ์ มีคุณสมบัติเป็นรองหัวหน้าพรรคได้ จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนายจุรินทร์ ที่เป็นผู้เสนอชื่อนายปริญญ์ ให้ที่ประชุมใหญ่รับรองเข้าเป็นรองหัวหน้าพรรคภารกิจ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้ให้การรับรอง เปรียบเสมือนการล็อกสเปกตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค จากโควต้าของหัวหน้าพรรค
2.เมื่อมีกระแสข่าวว่านายจุรินทร์ จะเสนอชื่อนายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค ทำให้มีสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ที่ทราบประวัติของนายปริญญ์มาก่อน ได้เข้าให้ข้อมูลและท้วงติงเกี่ยวกับประวัตินายปริญญ์ต่อนายจุรินทร์ แต่เมื่อนายจุรินทร์ยืนยันที่จะใช้สิทธิ์เสนอชื่อ นายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ที่สามารถกระทำได้
3.การเสนอชื่อ นายปริญญ์ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อทำภารกิจเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย ต้องการให้เข้ามาแทนที่บทบาทของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค เพราะนายกรณ์ คือคู่แข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายจุรินทร์
การที่นายจุรินทร์ออกมาแถลงยอมรับว่า เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคนั้น เป็นการแสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษที่ยอมรับความจริง เป็นคำพูดที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งที่ผ่านมา”