ข่าว

ศาลสั่งจำคุก “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” คนละ 20 ปี จำเลยสำนึก รอลงอาญา

ศาลพิพากษาจำคุก แม่ตั๊ก และ ป๋าเบียร์ คนละ 20 ปี แต่จำเลยสำนึกผิด รับซื้อคืนไปบ้างแล้ว รอลงอาญา 5 ปี เชื่อว่าจำเลยเข็ดหลาบ ไม่ทำอีก

ศาลอาญา พิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อทย.582/2567 หรือจากกรณีที่ โจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 3 คน ความผิดฐานฉ้อโกง ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์,ความผิดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคและพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง โดยชั้นสืบพยาน บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ฯ, นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ และ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ

ศาลจึงมีพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 25,000 บาท,จำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 3 เดือนและปรับคนละ 25,000 บาท ฐานร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณหรือ สาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นความเท็จหรือเกินความจริง

ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 25,000 บาท,จำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 1 เดือน 15 วัน และปรับคนละ 25,000 บาท ฐานร่วมกันขาย สินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลาก แต่ฉลากหรือการแสดงนั้นไม่ถูกต้อง

ปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 25,000 บาท,จำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 1 เดือน 15 วันและปรับคนละ 25,000 บาท ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน รวม 60 กระทง ให้ปรับจำเลยที่ 1 เป็นกระทงละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 600,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท รวมจำคุกจำเลยคนละ 360 เดือนและปรับคนละ 600,000 บาท

​เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว เป็นปรับบริษัทจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 675,000 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 2-3 คนละ 20 ปี และปรับคนละ 675,000 บาท พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามรายงานการตรวจพิสูจน์ทองคำของกลางของผู้เสียหายทั้ง 36 ราย ปรากฏว่าเป็นทองคำซึ่งมีค่าปริมาณทองคำในอัตราร้อยละ 99.99 ได้แก่ ผลปี่เซี่ยะ จี้คาบเหรียญทองคำใหญ่กลางและเล็ก จี้ท้าวเวสสุวรรณ จี้ตาไข่ทองคำ จี้ทองคำรูปหัวใจ สร้อยข้อมือตะกรุด ทองปี่เซียะรุ่น 1 ตัว สร้อยข้อมือหินหยกปี่เซียะ โดยมีส่วนประกอบอื่น เช่น ลูกปัดที่นำมาต่อเชื่อมกับตัวปี่เซียะเพื่อเป็นกำไลที่มีค่า ปริมาณทองคำเพียงร้อยละ 71-73 เศษ

ดังนั้นเครื่องประดับทองคำที่จำเลยทั้งสามขาย จึงไม่ใช่ทองคำปลอมหรือด้อยคุณภาพ เพียงแต่จำเลยทั้งสามกล่าวอ้างในการขายสินค้าระบุว่าเป็นทองคำร้อยละ 99.99 และมีของแถมเป็นทองคำ โดยภายหลังจำเลยทั้งสามสำนึกผิดจึงออกประกาศรับคืนสินค้าที่ขายไปดังกล่าว ซึ่งมีผู้คืนสินค้ารวม 3,929 ราย มูลค่า 82,709,747 บาท และจำเลยทั้งสามได้รับและคืนเงินเต็มจำนวนแก่ผู้ซื้อแล้ว 1,610 ราย เป็นเงิน 57,023,860 บาท

นอกจากนี้จำเลยทั้งสามยังวางเงินต่อศาลเพื่อคืนให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 36 ราย เต็มจำนวนตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์แล้ว ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามสำนึกผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายให้แก่ผู้เสียหาย และผู้ซื้อสินค้าดังกล่าว อีกทั้งจำเลยที่ 2-3 ถูกคุมขังในระหว่างสอบสวนเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว เชื่อว่าจำเลยที่ 2-3 จะเข็ดหลาบ ไม่กระทำความผิดเช่นนี้อีก

อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2-3 กระทำความผิดใดมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยที่ 2-3 กลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี และให้คุมความประพฤติภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 2 ครั้ง ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ คนละ 30 ชั่วโมง ห้ามจำเลยที่ 2-3 กระทำการใดที่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายลักษณะเดียวกับการกระทำความผิดคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button