ข่าว

ทำความรู้จัก “ใบสั่งจราจร” รูปแบบใหม่ บังคับใช้ 4 ส.ค. 68

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้ใบสั่งจราจร รูปแบบใหม่ พร้อมบังคับใช้ 4 ส.ค.นี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มใช้ “ใบสั่งจราจร” แบบใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนมากขึ้น หลัง ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ระบุว่า

ตามที่ได้มีประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติมไว้แล้ว นั้น

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับรูปแบบคำสั่งปรับเป็นพินัยตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 140 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2562 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงออกประกาศกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรไว้ ดังต่อไปนี้ รวม 3 รูปแบบ

ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ. 2568” โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร 3 แบบ

(1) แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรสำหรับให้กับ “ผู้ขับขี่ ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ มีรายละเอียดเป็นไปตามแบบแนบท้ายประกาศนี้ โดยแบบใบสั่งตามวรรคหนึ่งให้มีชุดละ 4 แผ่น มีสีและวัตถุประสงค์สำหรับการใช้งาน ดังนี้

(ก) แผ่นที่หนึ่ง เป็นสีขาว ใช้สำหรับให้กับผู้ขับขี่ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ

(ข) แผ่นที่สอง เป็นสีเหลือง ใช้สำหรับส่งให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ปรับเป็นพินัยคดีจราจรเพื่อทำการบันทึกข้อมูลใบสั่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของระบบสารสนเทศกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(ค) แผ่นที่สาม เป็นสีชมพู ใช้สำหรับมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัย

(ง) แผ่นที่สี่ เป็นสีฟ้า ใช้สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผู้ออกใบสั่ง

(2) แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรสำหรับส่งทางไปรษณีย์ มีรายละเอียดเป็นไปตามแบบแนบท้ายประกาศนี้

แบบใบสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้มีชุดละ 2 แผ่น แผ่นที่หนึ่ง ใช้สำหรับส่งไปรษณีย์ให้กับผู้ขับขี่ เจ้าของรถหรือผู้ครอบครอง แผ่นที่สอง ใช้สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผู้ออกใบสั่ง

(3) แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรแบบอิเล็กทรอนิกส์ ใช้สำหรับให้กับผู้ขับขี่ ติด ผูกหรือแสดงไว้ที่รถ มีรายละเอียดเป็นไปตามแบบแนบท้ายประกาศนี้

ทำความรู้จัก “ปรับเป็นพินัย”

“การปรับเป็นพินัย” คือมาตรการใหม่ที่นำมาใช้กับผู้กระทำความผิดที่ไม่ร้ายแรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่ไม่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่กระทบต่อส่วนรวมโดยตรง เช่น การขายของบนทางเท้า, การจอดรถในที่ห้ามจอด, การไม่ติดแผ่นป้ายหรือเครื่องหมายเลขทะเบียนรถ เป็นต้น

มาตรการนี้ถูกนำมาใช้แทนการ “ลงโทษทางอาญา” เพื่อไม่ให้ผู้กระทำความผิดมีประวัติอาชญากรรมติดตัว และไม่ต้องเผชิญกับการถูกจำกัดเสรีภาพอย่างการ “จำคุกหรือกักขัง” เหมือนกับคดีอาญาทั่วไป หากผู้กระทำความผิดยอมรับสารภาพและชำระค่าปรับตามที่เจ้าหน้าที่หรือศาลกำหนด คดีก็จะถือเป็นอันสิ้นสุด

“ค่าปรับเป็นพินัย” คืออะไร

“ค่าปรับเป็นพินัย” คือมาตรการใหม่ที่นำมาใช้เพื่อแยกให้แตกต่างจากค่าปรับทางอาญาและค่าปรับทางปกครองที่ใช้กันมาแต่เดิม คำว่า “พินัย” นั้นเป็นคำโบราณที่หมายถึง “เงินค่าปรับที่จ่ายให้ทางราชการ”

พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ ได้นำคำว่า “พินัย” มาใช้เรียกการปรับประเภทใหม่นี้ว่า “ปรับเป็นพินัย” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้สับสนกับค่าปรับประเภทอื่น

กฎหมายได้ให้คำนิยามของ “ค่าปรับเป็นพินัย” ไว้ว่าคือ คำสั่งให้ผู้กระทำความผิดทางพินัยต้องชำระค่าปรับเป็นพินัยตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด

ลักษณะสำคัญของ “การปรับเป็นพินัย”

  • ไม่ใช่โทษทางอาญา การปรับเป็นพินัย ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา ไม่มีการบันทึกลงในประวัติอาชญากรรม
  • เน้นการจ่ายค่าปรับแทนการลงโทษหนัก มุ่งให้ผู้กระทำผิด ชำระค่าปรับตามกฎหมาย แทนการดำเนินคดีหรือโทษจำคุก
  • ใช้กับความผิดเล็กน้อย ใช้กับความผิดที่ ไม่ร้ายแรง ไม่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรม หรือส่วนรวมอย่างกว้างขวาง
  • กำหนดค่าปรับตามความเหมาะสม พิจารณา ระดับความผิด และ ฐานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทำผิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสามารถชำระได้จริง
  • สามารถอุทธรณ์ได้ ผู้ถูกสั่งปรับมีสิทธิ อุทธรณ์คำสั่ง หากไม่เห็นด้วย ต้องยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

อ้างอิง : 1

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Bas

ผู้สื่อข่าวกีฬา จบการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีประสบการณ์เขียนข่าวกีฬากับ SMMSport กว่า 10 ปี เริ่มทำงานกับ Thaiger เมื่อ 2021 ชอบและติดตามกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะฟุตบอลทั้งบอลไทย และต่างประเทศ 5 ลีกดังของโลก พร้อมอัปเดตข่าวสารวงการฟุตบอล แบบเข้าใจง่าย ให้เพื่อนๆและแฟนบอลได้ติดตามกันทุกวัน ช่องทางติดต่อ saral@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx