แตงโม ผลไม้เนื้อฉ่ำชื่นใจ แต่คน 4 กลุ่มนี้ ไม่ควรกิน เสี่ยงอันตราย
แตงโม ผลไม้เนื้อฉ่ำชื่นใจ มีวิตามินบี ซี ไลโคปีน แต่คน 4 กลุ่มนี้ ไม่ควรกิน เสี่ยงอันตราย
ในยามที่อากาศร้อนระอุ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ลิ้มรสความหวานฉ่ำของแตงโมสีแดงสด ผลไม้ยอดนิยมที่มาพร้อมกับความสดชื่นและคุณประโยชน์มากมาย ด้วยส่วนประกอบของน้ำถึง 92% ทำให้แตงโมเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการดับกระหายคลายร้อน แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากความอร่อยแล้ว แตงโมยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย
คุณค่าทางโภชนาการที่น่าทึ่ง
แตงโมหนึ่งถ้วย (152 กรัม) ให้พลังงานเพียง 46 แคลอรี แต่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ทั้งวิตามินซี (12.3 มิลลิกรัม หรือ 25% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน) วิตามินเอ (42.6 ไมโครกรัม หรือ 8%) และที่โดดเด่นที่สุดคือไลโคปีน ถึง 6,890 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุสำคัญอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม อย่างละ 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ตารางแสดงปริมาณสารอาหารในแตงโม 1 ถ้วย (152 กรัม)
สารอาหาร | ปริมาณ |
---|---|
แคลอรี | 46 |
ไขมัน | 0.2 กรัม |
โซเดียม | 1.5 มิลลิกรัม |
คาร์โบไฮเดรต | 11.5 กรัม |
ไฟเบอร์ | 0.6 กรัม |
น้ำตาล | 9.4 กรัม |
โปรตีน | 0.9 กรัม |
วิตามินซี | 12.3 มิลลิกรัม |
วิตามินเอ | 42.6 ไมโครกรัม |
ไลโคปีน | 6890 ไมโครกรัม |
สรรพคุณเด่นที่คุณอาจไม่เคยรู้
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย แตงโมจึงมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน สำหรับผู้รักสุขภาพ แตงโมเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนักที่ดีเยี่ยม ด้วยแคลอรีต่ำแต่ให้ความรู้สึกอิ่มนาน ขณะเดียวกัน ไฟเบอร์ในแตงโมยังช่วยระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก
สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ สารซิทรูลีนในแตงโมช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย ขณะที่สาร L-citrulline ที่พบในเปลือกสีขาว ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนเลือดและลดความดันโลหิต
ที่น่าสนใจคือ มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่าไลโคปีนในแตงโมอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด แม้ว่าจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้
เพื่อผิวสวยสุขภาพดี
ในด้านความงาม แตงโมก็ไม่น้อยหน้า ด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง แลดูอ่อนเยาว์ วิตามินเอจากเบต้าแคโรทีนช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิว ป้องกันผิวแห้งกร้าน และที่หลายคนอาจไม่รู้คือ วิตามินบี 6 ในแตงโมยังช่วยลดการเกิดสิวอีกด้วย
ใครบ้างที่ต้องระวังในการกินแตงโม
แม้แตงโมจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีกลุ่มคนที่ควรพึงระวังในการรับประทาน โดยเฉพาะ
1. ผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากแตงโมมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) สูง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จึงควรรับประทานในปริมาณที่จำกัดและควรปรึกษาแพทย์
2. ผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของไต ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม
3. คุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร แม้จะรับประทานได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และควรปรึกษาแพทย์หากมีข้อสงสัย
4. ผู้ที่แพ้แตงโม หากเคยมีอาการแพ้ เช่น ลมพิษ บวม หรือหายใจลำบาก ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน
เคล็ดลับการกินแตงโมให้ได้ประโยชน์สูงสุด
การรับประทานแตงโมให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม คือประมาณวันละ 2 ถ้วย หรือประมาณ 1 ส่วน และควรรับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ ให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนและไขมันที่มีน้อยในแตงโม
ที่สำคัญ ไม่ควรรับประทานทิ้งไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และอย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
ระวังการรับประทานมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสียได้ เนื่องจากมีสารซอร์บิทอลที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียและก๊าซในกระเพาะอาหาร
ด้วยคุณประโยชน์มากมายและรสชาติที่หอมหวาน แตงโมจึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เพียงแค่รู้จักรับประทานอย่างพอดีและระมัดระวังในกรณีที่มีข้อจำกัดทางสุขภาพ ก็จะได้รับประโยชน์จากผลไม้เนื้อแดงฉ่ำลูกนี้อย่างเต็มที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ระวังให้ดี ผลไม้ 5 ชนิดสารตกค้างเพียบ พุทรา ส้ม เต็งหนึ่ง อันตรายระบบประสาท
- อย่าไปทำตาม ! ดื่มน้ำใบมะละกอปั่นสดรักษาโควิด
- กินกล้วยกับกาแฟตอนเช้าได้ไหม? เตือนเมนูควรเลี่ยง ให้น้ำตาลสูงปรี๊ด เสี่ยงโรคเพียบ