รู้จัก ‘ไฟฟ้าสถิต’ ตัวช็อตของจริง อันตรายไหม ทำไมจึงเกิดบ่อยในฤดูฝน
ไฟฟ้าสถิต เกิดจากอะไร ทําไมเกิดได้ในฤดูฝนและฤดูหนาว เรียนรู้อันตรายของมัน พร้อมพาไปดูปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากไฟฟ้าสถิต มีอะไรบ้างนะ
เคยจับแขนคนอื่นแล้วรู้สึกถูกช็อตหรือเปล่า หรือเคยนั่งเก้าอี้พลาสติกแล้วรู้สึกแขนถูกดูดบ้างไหม สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจาก “ไฟฟ้าสถิต” ทั้งสิ้น วันนี้ทีมงาน Thaiger จะพาทุกคนไปรู้จักไฟฟ้าสถิตว่ามีที่มาอย่างไร ทำไม “ไฟฟ้า” ถึงมาสถิตในตัวเราได้ แถมยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว รวมถึงตอนเดินอยู่ในห้างก็เกิดไฟฟ้าสถิตได้ อันตรายหรือเปล่า มาติดตามไปพร้อมกันเลย
ไฟฟ้าสถิต คืออะไร ทำไมเกิดบ่อยในฤดูฝน
ไฟฟ้าสถิตคืออะไร
ก่อนอื่นมารู้จักกันแหล่งกำเนิดของไฟฟ้าสถิตกันก่อน ไฟฟ้าสถิต คือ หนึ่งในประเภทของไฟฟ้า มักเกิดจากการเสียดสีของวัตถุที่ไม่นำไฟฟ้า 2 ชนิด เช่น พลาสติก ยาง แก้ว เป็นต้น เมื่อเกิดการเสียดสีของวัตถุเกิดขึ้น จะทำให้ปริมาณประจุขั้วบวกและประจุขั้วลบไม่สมดุลกัน วัตถุจึงมีการผลักหรือดึงกันเพื่อถ่ายโอนประจุ โดยประจุลบในไฟฟ้าสถิตจะทำให้ประจุไฟฟ้าหยุดนิ่ง เรียกว่า ปรากฏการณ์ไฟฟ้าสถิต นั่นเอง
ไฟฟ้าสถิต ถูกค้นพบโดยชาวกรีกชื่อ ทาลีส จากเหตุการณ์ที่เขาใช้แท่งอำพันถูผ้าขนสัตว์ ก่อนจะนำไปวางใกล้ขนนก ทำให้ขนนกถูกดูดติดอยู่กับแท่งอำพัน
ทั้งนี้ไฟฟ้าสถิตก็มีโอกาสเกิดกับวัตถุนำไฟฟ้าได้เช่นกัน เพียงแต่โอกาสในการเกิดจะน้อยกว่ามาก ๆ เท่านั้นเอง
ร่างกายคนเราเกิดไฟฟ้าสถิตได้ไหม อันตรายหรือเปล่า
ประจุขั้วบวกและขั้วลบที่ไม่เท่ากันในพื้นผิววัตถุจะทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ดังนั้นร่างกายคนเราที่มีประจุเหล่านี้วนเวียนและถ่ายโอนไปมาอยู่ตลอด จึงสามารถเกิดไฟฟ้าสถิตได้
การถ่ายโอนประจุจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อประจุในร่างกายเริ่มไม่สมดุล ทำให้เวลาที่เราเผลอไปสัมผัสวัตถุที่มีประจุ มันก็จะเกิดการถ่ายโอนในรูปแบบของไฟฟ้าสถิต ทำให้เรารู้สึกช็อต
ถามว่าไฟฟ้าสถิตที่เกิดร่างกายของเราอันตรายไหม บอกได้เลยว่า ไม่อันตราย หากเกิดในช่วงสั้น ๆ แต่หากประจุไฟฟ้ามีการถ่ายโอนในปริมาณที่มากก็อาจเป็นอันตรายได้
ทำไมไฟฟ้าสถิต จึงเกิดได้ในฤดูฝน และ ฤดูหนาว
ไฟฟ้าสถิตนั้นเกิดขึ้นได้บ่อยโดยเฉพาะช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว โดยในแต่ละฤดูเราจะพบเห็นไฟฟ้าสถิตได้ในเหตุการณ์เหล่านี้
ฤดูฝน มักพบเห็นไฟฟ้าสถิตในรูปแบบของปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราคุ้นเคยกันดี อาทิ ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า โดยปรากฏการณ์นี้ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ เบนจามิน แฟรงคลิน
ฟ้าแลบ เกิดจากประจุไฟฟ้าถูกถ่ายเทผ่านก้อนเมฆแต่ละก้อน ทำให้เราเห็นไฟฟ้าที่วิ่งเป็นประกายไฟแบบเส้น
ในขณะที่ ฟ้าร้อง และ ฟ้าผ่า เกิดจากประจุไฟฟ้าถูกถ่ายเทระหว่างก้อนเมฆและพื้นดิน โดยเมื่อประจุไฟฟ้าวิ่งไปกระทบกันในอากาศก็จะเกิดเสียงเป็นฟ้าร้องนั่นเอง
เกร็ดความรู้ไฟฟ้าสถิตกับฟ้าผ่า : ก่อนจะเกิดฟ้าผ่า ผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นอาจรู้สึกเส้นขนตามร่างกายลุกหรือเส้นผมชี้ตั้งในอากาศ นั่นเป็นเพราะเกิดการถ่ายเทประจุของไฟฟ้าสถิต หากเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ควรรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะนี่เป็นสัญญาณเตือนก่อนฟ้าผ่านั่นเอง
ฤดูหนาว ในช่วงที่อากาศเย็นก็ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้ดีเช่นกัน เนื่องจากความชื้นในอากาศที่ต่ำจะทำให้ประจุไฟฟ้าสะสมบนผิวหนังได้ง่าย เมื่อเราไปสัมผัสกับวัตถุอื่นก็จะเกิดการเสียดสีและมีการถ่ายโอนประจุอย่างรวดเร็ว ผลของไฟฟ้าสถิตจึงทำให้เรารู้สึกช็อต รวมถึงตอนเดินในห้างก็เกิดไฟฟ้าสถิตได้ง่าย เนื่องจากเหตุผลนี้นั่นเอง
โดนไฟฟ้าสถิตบ่อย แก้ยังไงดี
หากใครรู้สึกว่าโดนช็อตบ่อย เผลอแตะคนอื่นก็รู้สึกไฟฟ้าวิ่งอีกแล้ว ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู จะช่วยลดอาการช็อตจากไฟฟ้าสถิตไปได้เยอะเลย
– ทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว รวมถึงการดื่มน้ำให้เพียงพอ
– หากต้องสัมผัสวัตถุที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าสถิต ให้ใช้วัตถุที่เป็นโลหะสัมผัสก่อนเพื่อให้การถ่ายโอนประจุไฟฟ้านั้นสมดุล
– สวมใส่ผ้าฝ้ายช่วงที่อากาศเย็น และหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อขนสัตว์
– รักษาความชื้นในอากาศให้สมดุลอยู่เสมอ โดยอาจใช้เครื่องทำความชื้นภายในบ้านในช่วงที่อากาศเย็น
สรุปก็ได้ทราบกันแล้วว่า ทำไมไฟฟ้าสถิตจึงเกิดได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาว นั่นเป็นเพราะว่าประจุไฟฟ้าจะเกิดการถ่ายเทระหว่างวัตถุ เมื่อมีวัตถุที่ประจุไม่เท่ากันมาเสียดสีกัน โดยเกิดขึ้นได้กับร่างกายมนุษย์ วัตถุไม่นำไฟฟ้า รวมถึงวัตถุนำไฟฟ้าในบางกรณี และปรากฏการณ์ธรรมชาติ
โดยหากเกิดไฟฟ้าสถิตเพียงเล็กน้อยในร่างกายมนุษย์ก็ถือว่าไม่อันตราย แต่หากเป็นไฟฟ้าสถิตในปรากฏการณ์ฟ้าผ่าจะถือว่าอันตรายถึงชีวิตได้เลย ดังนั้นช่วงฤดูฝนหากเลี่ยงไปอยู่ภายนอกอาคารในเวลาฝนตกได้ก็จะดีมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก : 1