หวั่นซ้ำรอยเคสเด็ก 15 ญาติร้องสื่อหลานเครียด-นอนผวา สูญเงินให้แก็งหลอกดูยูทูบ 3 แสน
งานดูวีดีโอได้เงินจริงไหม หนุ่มโคราชร้องนักข่าวกลัวซ้ำรอยเคสเด็ก 15 หลังหลานสาวเครียด โดนแก็งหลอกเงิน หลอกดูยูทูบ หมดไป 3 แสน สภาพจิตใจแย่ นอนผวา หวั่นคิดสั้น วอนตำรวจเร่งจับคนร้ายโดยเร็ว
วันที่ 31 มกราคม 2566 นายอธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หลังจากที่หลานสาว อายุ 16 ปี ถูกแก๊งหลอกให้ร่วมลงทุนจากการดูวีดีโอจากยูทูบ ออกอุบายหารายได้จนเหยื่อหลงโอนเงินไปให้กับแก๊งดังกล่าวจนสูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ม.ค.66 ที่ผ่านมา หลังหลานสาวเข้าไปเห็นลิงค์โฆษณารับสมัครงานหาคนดูคลิปวีดีโอจากยูทูบผ่านจากแอพพลิเคชั่นไอจี จึงหลงเชื่อกดสมัครเข้าไปจนได้มีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนที่ทางแอดมินจะให้หลานของตนโอนเงินจำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวีดีโอจากยูทูบอ้างว่าเงินที่โอนเข้าไปจะเป็นเงินลงทุน
โดยในเงื่อนไขโปรโมชั่นบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวีดีโอที่เป็นมิวสิกวีดีโอโดยเริ่มต้นที่ 5 เพลง ได้จะเงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท จนไปถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ก่อนที่หลานของตนนั้นจะสนใจจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท ผ่านธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชีปลายทาง สุมลรัตน์ พรมจันทร์
หลังจากโอนเงินทางแอดมินแจ้งกลับมาว่าเบิกงานให้หลานของตนไม่ทัน ทำให้ต้องหางานอื่นมาให้เป็นการกดรับสินค้าพร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดูแต่พอหลานของตนกดเข้าไปก็มีปัญหาจนหลานของตนเริ่มไม่มั่นใจและจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวีดีโอจากยูทูป ซึ่งค่าปิดบัญชีอยู่ 500 บาท หลานของตนก็โอนไปที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายมนตรี วาอุบล เป็นเงิน 500 บาท
ก่อนที่ในวันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินจะทักกลับมาว่างานยูทูบว่างแล้วแต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไปจนมาในวันที่ 7 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ทางแอดมินส่งข้อความมาในลักษณะเชิงข่มขู่ โดยในข้อความที่ส่งมาก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมายจนทำให้หลานของตนกลัวจึงต้องรีบโอนเงินเพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ไปที่บัญชีธนาคารทหารไทย ชื่อบัญชี น.ส.ปรารถนา หุริน
ก่อนที่แอดมินจะหลอกหลานของตนเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชีทำให้หลานต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท ซึ่งหลานโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงมาขอยืมโทรศัพท์ของยายซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท และไปติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน ซึ่งหลังจากนั้นมีการโอนเงินไปอีกหลายรอบจนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท โดยทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษีซึ่งหลานของตนก็โอนไปจนหมดบัญชี
โดยรวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท ซึ่งเงินในบัญชีของยายนั้นเป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่แม่ของน้องนั้นโอนมาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา
เรื่องนี้ นายอธิชัย บอกว่ามาทราบเรื่องในวันเดียวกันคือวันที่ 7 ม.ค. ตอนที่หลานโทรไปยืมเงินกับป้าซึ่งป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานของตนก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆกันและไปนั่งอยู่ที่ระเบียงร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้องจนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา
หลังจากเกิดเหตุการณ์หลานของตนก็ตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ ซึ่งตนกลัวหลานของตนจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิตทำให้ตนต้องมานอนเป็นเพื่อหลานทุกคืนตั้งแต่เกิดเหตุ ในระหว่างนั้นหลานของตนก็ต้องกินยาคลายเครียด ยานอนหลับ กินเข้าก็ไม่ได้ กลางคืนก็นอนผวา นอนละเมอว่า เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตาเพราะมันเป็นเงินของยายกับตา
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ได้มีการแจ้งความไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้งกับทางตำรวจไซเบอร์ ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี ซึ่งตนอยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบอยากให้ช่วยเร่งรัดเรื่องคดีให้เร็วขึ้นเพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ยังอยากฝากไปยังผู้ปกครองในเรื่องการดูแลบุตรหลานอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิดและคอยสังเกตุพฤติกรรมผิดสังเกตอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก