ผู้เสียหายตั้ง 6 ข้อสังเกต คดีเบนท์ลีย์ชนปาเจโร หวั่นไม่ได้รับความยุติธรรม
คดีเสี่ยเบนท์ลีย์ชนปาเจโร ครอบครัวผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ตั้ง 6 ข้อสังเกตชวนกังขา รถหรูไม่มีประกันภัย มีแท็กซี่มารับ ไม่เป่าแอลกอฮอล์ อ้างบิ๊กดีเอิสไอ พูดจารุนแรง หวั่นไม่ได้รับความยุติธรรม
กรณีรถหรูเบนท์ลีย์พุ่งชนท้ายรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ ก่อนที่รถปาเจโร่จะถูกรถดับเพลิงของ อปพร. พุ่งชนซ้ำ เหตุการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บหลายคน ด้านผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตคนขับรถเบนท์ลีย์ ทำไมไม่เป่าแอลกอฮอล์ ขณะที่ตำรวจแจ้งว่าคู่กรณีขอไปตรวจเลือดที่ รพ.ตำรวจ คาดผลออกมาเร็วสุดภายใน 7 วัน
ด้านครอบครัวของคนขับรถปาเจโร่ ระบุหลังจากพบกับตัวแทนทางคนขับเบนท์ลีย์ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยหรือได้รับการติดต่อมาอีกเลย
เรื่องการเยียวยาค่าเสียหายได้มอบหมายให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งหมดยังคงรักษาตัวอยู่ คุณพ่อยังรักษาบาดแผลเนื่องจากเป็นเบาหวานด้วย ส่วนน้องสาวที่บาดเจ็บคอเคล็ดก็ยังใส่ที่ดามไว้ ขณะที่วันนี้ (11 ม.ค.) จะพาหลานชายไปตรวจสุขภาพเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามในส่วนของผลตรวจเลือดเรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ที่มีกระแสข่าวว่า ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนตัวยังไม่เห็นเอกสารอย่างเป็นทางการ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว เนื่องจากเรื่องของคดีได้มอบหมายให้ทนายความจัดการทั้งหมด ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของคนในครอบครัวเท่านั้น
ผู้เสียหายทั้งคนขับรถยนต์ปาเจโรและเจ้าหน้าที่ อปพร. ได้ตั้งข้อสังเกต 6 ข้อ โดยรวบรวมจากกลุ่มผู้เสียหายในคดีซึ่งย้ำว่าไม่ค่อยเชื่อมั่นกับกระบวนการยุติธรรม
ข้อสังเกต 6 จุด จากผู้เสียหายคนขับปาเจโรและเจ้าหน้าที่ อปพร.
1. การรักษาสภาพที่เกิดเหตุ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนทางพิเศษ ในความรับผิดชอบของ สน.ทางด่วน 1 อปพร.ที่ให้ข้อมูลกับเรา ตั้งคำถามว่า ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุในกี่นาที ทั้งที่เป็นอุบัติเหตุชนครั้งใหญ่ขนาดนี้
2. ผู้ต้องหานั่งแท็กซี่ออกจากที่เกิดเหตุได้อย่างไร โดยมีแท็กซี่เขียวเหลือง ทะเบียน มข 8387 กรุงเทพมหานคร วิ่งขึ้นมารับผู้ต้องหาและหญิงสาวที่นั่งมาด้วยลงไปจากทางด่วนที่เกิดเหตุ
สิ่งที่เป็นคำถามคือ ถ้าตำรวจมาคุมสถานที่เกิดเหตุโดยเร็วแล้ว ผู้ต้องหาจะนั่งรถแท็กซี่ออกไปแบบนี้ได้หรือไม่ และใครเป็นผู้เรียกรถให้
3. ไม่ดำเนินการเป่าแอลกอฮอล์ผู้ต้องหา เมื่อไปถึงโรงพัก สน.ทางด่วน 1 มีการกันไม่ให้ อปพร. ตามเข้าไปใน สน. อ้างว่าเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ทางกลุ่มกู้ภัยฯ เขาเองก็ต้องการความชัดเจน เพราะรถเสียหาย เพื่อนบาดเจ็บ จะดูว่ามีการเป่าเมาคนขับไหม เพราะแหล่งข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ยืนยันชัดเจนว่าได้กลิ่นเหล้าโชยคละคลุ้ง ต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์อย่างแน่นอน
สุดท้าย ผู้ต้องหาอ้างว่าเจ็บหน้าอก ปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ จึงมีคำถามว่า กฎหมายใหม่ระบุไว้แล้วว่า หากปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ให้ถือว่าเมาไว้ก่อน ตำรวจได้แจ้งข้อหาแล้วหรือยัง
ในขณะนี้ มีการแจ้ง 2 ข้อหา คือ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ กับขับรถประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
4. รถหรูไม่มีประกันภัย เบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที สีเทา ทะเบียน 7 กค 3822 กรุงเทพมหานคร ราคาเริ่มต้นที่ 17 ล้านบาทคันนี้ ปรากฎว่าไม่มีประกันภัย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องการรับผิดชอบค่าเสียหายกับรถปาเจโรป้ายแดง และรถกระบะดับเพลิงของอาสากู้ภัย แต่อย่างใด
5. แอบอ้าง “บิ๊กดีเอสไอ” พาผู้ต้องหาไป รพ.ตำรวจ ในช่วงที่นายสุทัศน์ ผู้ต้องหาอยู่ที่โรงพัก อปพร.พบว่าผู้ต้องหา มีการใช้โทรศัพท์โทรหาคนรู้จักอย่างต่อเนื่อง จากนั้นได้มีชายสูงอายุพร้อมลูกน้อง อ้างตัวเป็นอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ อ้างว่าจะพาผู้ต้องหาไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างนั้น มีการส่งน้ำให้ผู้ต้องหาดื่มอย่างน้อย 3-4 ขวด โดยลูกน้องสั่งห้าม อปพร.ถ่ายคลิปเด็ดขาด
ระหว่างที่ชายอ้างตัวเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง พาผู้ต้องหาออกไป ทางตำรวจทางด่วน 1 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามไป จึงมีคำถามว่าเหตุใดตำรวจจึงปล่อยให้บุคคลนอก เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี
6.พฤติกรรมวาจาที่ใช้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายทั้งคนขับรถยนต์ปาเจโร และเจ้าหน้าที่ อปพร. ต่างรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคน ที่ใช้คำพูดรุนแรงกระแทกเสียง จึงขอฝากถึงเจ้าหน้าที่ ว่าต้องทำงานกับประชาชนอยากขอให้ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย ผู้เสียหายถูกพูดจากระแทกเสียงใส่ แต่ในขณะที่ผู้ต้องหา กลับเอาอกเอาใจ ให้สิทธิพิเศษหลายอย่างๆ
ขอบคุณคลิป : สํานักข่าวไทย TNAMCOT
- ไทม์ไลน์ตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ พบใช้เวลา 4 ชม. ก่อนตรวจเลือด!
- ผลตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ 10 มิลลิกรัมฯ รอดเมาแล้วขับ
- รู้ตัวแล้ว คนขับรถเบนท์ลีย์ชนปาเจโร่คือใคร โปรไฟล์ไม่ธรรมดา