ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผย เงื่อนไขฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มสาม
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดเผย เงื่อนไขฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มสาม หรือ บูสเตอร์โดส พร้อมเปิดเผยไทม์ไลน์การลงทะเบียนเข้ารับสำหรับผู้ที่สนใจ
เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์ แนวทางการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า
“เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster Dose) สำหรับผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนหลัก (ซิโนแวค Sinovac และแอสตร้าเซนเนก้า AstraZeneca) เข็ม 1 และเข็ม 2 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ช่วงเวลาในการเข้ารับวัคซีนหลักเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
1.ผู้ที่รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มในช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเปิดระบบให้ท่านลงนัดหมายเข้ามารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตามลำดับช่วงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ดังนี้
กลุ่มอายุ => 70 ปีขึ้นไป นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 20-29 ต.ค. 64
อายุ 59-69 ปี นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 1 – 30 พ.ย. 64
อายุต่ำกว่า 59 ปี นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 15 พ.ย.- 24 ธ.ค. 64
กลุ่มโรคเรื้อรังทุกช่วงอายุ นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค. 2564 เป็นต้นไป
2.ผู้ที่รับวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 เข็ม ในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเปิดระบบให้ท่านลงนัดหมายเข้ามารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตามลำดับช่วงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ดังนี้
กลุ่มอายุ => 70 ปีขึ้นไป นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 1-15 ก.พ. 65
อายุ 59-69 ปี นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 15-28 ก.พ. 65
อายุต่ำกว่า 59 ปี นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ระหว่างวันที่ 1-10 มี.ค. 65
กลุ่มโรคเรื้อรังทุกช่วงอายุ นัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
ขั้นตอนและแนวทางการเข้ารับวัคซีนหลักเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
1.ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับการฉีดเข็มที่สองมานานกว่าก่อนเป็นอันดับแรก โดยจะทยอยส่ง SMS ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านเคยลงทะเบียนไว้ในระบบราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในการเข้ารับวัคซีนเข็มแรก เพื่อให้ท่านเข้าสู่ระบบผ่านเว็บไซต์ (คลิกที่นี่) และเลือกวันนัดหมายเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ตามช่วงเวลาที่กำหนด (กรณีท่านไม่ได้รับ SMS สามารถเข้าไปเลือกวันนัดหมายผ่านเว็บไซต์ดังกล่าว โดยระบบจะเปิดสิทธิ์ของท่านให้เลือกวันตามช่วงเวลาที่กำหนดในแต่ละกลุ่ม)
2. วัคซีนหลักเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้รับการจัดสรรโควต้ามาจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหากท่านมีประวัติแพ้วัคซีน สามารถแจ้งขอรับวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ (จากข้อมูลทางวิชาการที่มีรายงานว่าการกระตุ้นด้วยวัคซีนเชื้อตายก็สามารถเพิ่มระดับการป้องกันได้ แม้ระดับภูมิคุ้มกันอาจจะไม่สูงเท่าการกระตุ้นด้วยวัคซีนประเภทอื่น)
3) หากเคยติดเชื้อหลังได้รับการฉีดเข็มที่สอง ให้เริ่มนับการมารับเข็มกระตุ้นภูมิเป็นระยะเวลา 60 วันหลังการติดเชื้อ
4) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้ความสำคัญในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเวลาที่เหมาะสม และยังอยู่ระหว่างการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ครบ 2 เข็มกับกลุ่มประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบางตกสำรวจและไม่มีทะเบียนอยู่ในประเทศ เพื่อลดโอกาสการกลายพันธุ์และการระบาดมาสู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว หากท่านใดวิตกและประสงค์จะได้รับการกระตุ้นภูมิก่อนเวลาที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์กำหนด ท่านสามารถไปลงทะเบียนเข้ารับการฉีดกับศูนย์บริการอื่นๆ ได้
เกณฑ์สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนทางเลือก
เข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Booster Dose) สำหรับองค์กรนิติบุคคล และโรงพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม กับทางราชวิทยาลัยฯ
สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนฟาร์ม หรือผู้ที่มีความประสงค์ใช้วัคซีนทางเลือก (โดยชำระเงินและบริจาคเพื่อกลุ่มเปราะบางตามนโยบายเดิมของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์) เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะเปิดให้จองวัคซีน Sinopharm และ Moderna ในรูปแบบองค์กรนิติบุคคล และโรงพยาบาลเท่านั้น (ไม่มีการเปิดรอบบุคคลทั่วไป) โดยมีกำหนดการและแนวทางดังนี้
กำหนดการเปิดจองวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับองค์กรนิติบุคคล/โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2564 จนถึง 30 ธันวาคม 2564
วัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน Sinopharm
ลงทะเบียนจองพร้อมชำระเงินเต็มจำนวน ภายใน 5 วันทำการเมื่อได้รับการแจ้งจัดสรรวัคซีน
กำหนดเริ่มฉีดเข็มกระตุ้นภูมิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป จนถึงสิ้นปี 2565 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบจัดสรรวัคซีนที่รับฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ทั่วประเทศ
วัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน Moderna (50 ไมโครกรัม)
ลงทะเบียนจองพร้อมชำระเงินมัดจำ 50% ของราคาวัคซีนเมื่อเข้ามาทำการจอง และชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 5 วันทำการเมื่อได้รับการแจ้งจัดสรรวัคซีน
กำหนดเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป จนถึงสิ้นปี 2565 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสถานพยาบาลที่อยู่ในระบบจัดสรรวัคซีนที่รับฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ทั่วประเทศ
อนึ่ง สำหรับรายละเอียดข้อกำหนดการจองและอัตราค่าวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันจะประกาศให้ทราบอีกครั้งทางเพจศูนย์ข้อมูลราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
สำหรับผู้ที่เคยได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มในรูปแบบบุคคลทั่วไป ขอให้ท่านติดตามการจองวัคซีนทางเลือกเข็มกระตุ้นภูมิจากโรงพยาบาลต่างๆ ที่รับการจัดสรรวัคซีนจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และให้บริการฉีดแทนโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะไม่เปิดรับจองในรูปแบบบุคคลทั่วไปในการจัดสรรครั้งนี้
ทั้งนี้ทางเพจยังได้ให้คำแนะนำแนวทางการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยระบุว่า
ไม่แนะนำการกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในสตรีอายุต่ำกว่า 40 ปี หรือผู้ที่ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดมากกว่าปกติในทุกช่วงอายุ
- ไม่แนะนำการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเร็วเกินความจำเป็นโดยเฉพาะในช่วงที่การระบาดไม่รุนแรง เพราะมีข้อมูลพบว่าหากยืดระยะห่างการฉีดเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้นานขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะได้รับการตอบสนองระดับภูมิคุ้มกันขึ้นดีกว่า
- วัคซีนชนิดเชื้อตาย ได้แก่ ซิโนฟาร์ม หรือ ซิโนแวค ควรฉีดเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันห่างจากเข็มสองอย่างน้อย 3-6 เดือน
- วัคซีนชนิดอื่นๆ ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ โมเดอร์น่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สปุตนิก ควรฉีดเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันห่างจากเข็มสองอย่างน้อย 7-8 เดือน
- กรณีติดเชื้อโควิด-19 หลังได้รับการฉีดเข็มที่สอง ให้เริ่มนับการมารับเข็มกระตุ้นภูมิระยะเวลา 60 วันหลังการติดเชื้อ
- การกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มมีการคาดการณ์ว่าอาจจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและการเจ็บป่วยรุนแรงได้ประมาณ 4-8 เดือน และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา จะช่วยป้องกันได้ประมาณ 8-10 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นกับสายพันธุ์ของไวรัสที่ระบาด ณ ขณะนั้น โดยที่ท่านยังต้องเคร่งครัดในการป้องกันตนเองอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการสวมใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง และเลี่ยงที่แออัดอากาศไม่ถ่ายเท