รำลึก 19 ปี นวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่พลีชีพ “ต้านรัฐประหาร”

วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ถือเป็นวันครบรอบ 19 ปี ของการตัดสินใจครั้งสุดท้ายในชีวิตอย่างกล้าหาญ ของ นวมทอง ไพรวัลย์ สามัญชนคนขับแท็กซี่ วัย 60 ปี ที่ใช้ความตายของตนเอง เป็นเครื่องพิสูจน์อุดมการณ์ประชาธิปไตย เพื่อตอบโต้ คำสบประมาทของคณะรัฐประหาร
เรื่องราวของ นวมทอง ไม่ได้เริ่มต้นในวันที่เขาจากไป แต่เริ่มต้น 42 วันก่อนหน้านั้น ในยุคที่รถถังกลับคืนสู่ท้องถนนกรุงเทพฯ
จุดเริ่มต้นวีรบุรุษ รัฐประหาร 19 กันยา 49
วันที่ 19 กันยายน 2549 คณะทหารในนาม “คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” (คปค.) นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ทำการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ท่ามกลางการเมืองตึงเครียดสูงสุด กองทัพนำรถถังออกมาจอดประจำการตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั่วกรุงเทพฯ ท่ามกลางความเงียบงันของสังคมในขณะนั้น ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นสู้ แต่นายนวมทอง ไพรวัลย์ อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ผู้ผันตัวมาขับแท็กซี่ และเคยผ่านเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ตัดสินใจว่าเขาไม่สามารถยอมรับการฉีกรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้
11 วันหลังการรัฐประหาร วันที่ 30 กันยายน 2549 นายนวมทองขับรถแท็กซี่โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส สีม่วงแดง ทะเบียน ทอ-1377 รถใช้ทำมาหากิน มุ่งหน้าไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนตัดสินใจขับรถพุ่งเข้าชนรถถัง M41 Walker Bulldog ที่จอดประจำการอยู่อย่างจัง เสียงปะทะดังกึกก้อง สภาพรถแท็กซี่พังยับเยิน ตัวนายนวมทองบาดเจ็บสาหัส แต่เขารอดชีวิต การกระทำครั้งนี้คือการอารยะขัดขืน เชิงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เป็นภาพแทนของสามัญชนที่ใช้อาวุธยังชีพเดียวที่มี พุ่งชนสัญลักษณ์ของอำนาจทหาร
เหตุการณ์แท็กซี่ชนรถถังกลายเป็นข่าวใหญ่ในทันที แต่กลับถูกด้อยค่าโดยฝ่ายผู้มีอำนาจ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. ในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า นายนวมทองอาจเมาแล้วขับ หรือมีปัญหาทางครอบครัว พร้อมกล่าวประโยคสกลายเป็นชนวนเหตุภายหลังว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
คำพูดนี้ถูกตีความว่าเป็นการสบประมาท เหยียดหยามการกระทำของนายนวมทองอย่างรุนแรง มันลดทอนการต่อสู้ของเขาให้กลายเป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือการกระทำของคนไม่มีสติ
พลีชีพ 31 ตุลาคม 2549
1 เดือนเต็มหลังสัมภาษณ์นั้น นายนวมทอง ไพรวัลย์ ได้พิสูจน์อุดมการณ์ของตัวเองด้วยชีวิต คืนวันที่ 31 ตุลาคม 2549 ร่างของเขาถูกพบในสภาพผูกคอกับราวสะพานลอยคนข้าม บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก ตรงข้ามสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นจุดที่คนสัญจรผ่านไปมาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาจอดรถแท็กซี่คันเดิมที่ยังซ่อมไม่เสร็จไว้บริเวณใกล้เคียง ภายในรถมีจดหมายลาตายฉบับสุดท้าย ใจความสำคัญเขียนว่าว่า ตั้งใจพลีชีพ เพื่ออุทิศให้ประชาธิปไตย และลบคำสบประมาท ของ พ.อ.อัคร ที่ว่าไม่มีใครมีอุดมการณ์พอที่จะตายได้
ในวันที่ 31 ตุลาคม 2556 วันครบรอบ 7 ปีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้สร้าง “สดมภ์อนุสรณ์นวมทองไพรวัลย์” ขึ้นที่บริเวณใต้สะพานลอยหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อรำลึกถึงวีรกรรม
ในวันครบรอบ 9 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โดนรัฐประหารเช่นเดียวกับพี่ชาย ได้โพสต์ข้อความรำลึกถึงนายนวมทอง ว่า “วันนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้วคือวันที่ 31 ต.ค. 2549 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของลุงนวมทอง ขอยกย่องในจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของคุณลุง ที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อเรียกร้องหาประชาธิปไตย ก็หวังว่าดวงวิญญาณคุณลุงจะได้เห็นประชาธิปไตยของไทยกลับมาในเร็ววันนะคะ พร้อมกันนี้ขอฝากจดหมายที่คุณลุงเขียนไว้ก่อนเสียชีวิตเพื่อแสดงออกถึงความหวงแหนประชาธิปไตยค่ะ”
วันนี้ 31 ตุลาคม 2568 ครบรอบ 19 ปีเต็มของการจากไป นวมทอง ไพรวัลย์ ไม่ได้เงียบหายไปตามกาลเวลา นาม ลุงนวมทอง กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของสามัญชนผู้ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการทหาร ถูกยกย่องในฐานะวีรชนของขบวนการคนเสื้อแดง ชื่อของเขาถูกอ้างอิงในการชุมนุมทางการเมืองในยุคต่อๆ มา สะพานลอยจุดเกิดเหตุ ถูกเรียกขานอย่างไม่เป็นทางการโดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวว่า “สะพานนวมทอง ไพรวัลย์”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปวิน พาย้อนวันรัฐประหาร ล้มรัฐบาลทักษิณ ชี้ ใช้คนเสื้อแดงเป็นสัญลักษณ์การต่อสู้
- อดีตปธน.บราซิล โดนคุก 27 ปี ผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหาร
- 402 เสียง ล้างมรดกรัฐประหาร สภาฯ โละคำสั่งคสช. ลอตใหญ่ 55 ฉบับ ส่งต่อวุฒิสภาพิจารณา
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





