ถึงครูอังคณาแน่ “นิพิฏฐ์” จวกยับ เงินดิจิทัลกู้เป็นบาท แต่แจกเป็นเหรียญวอลเลต
นิพิฏฐ์ โพสต์เดือดถึงรัฐบาล เงินดิจิทัลกู้เป็นบาท แต่แจกประชาชนเป็นเหรียญดิจิทัล วอลเลต ลั่น ไม่อยากยุ่งกับรัฐ แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย ถึงครูอังคณาแน่
หลังจากการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เรื่องโครงการดิจิทัล (Digital Wallet) 10,000 บาท และได้สรุปผลเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้สิทธิและผู้ที่มีสิทธิรับเงิน พร้อมแหล่งที่มาของงบประมาณ โดยจะออกเป็น พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เป็นเหตุให้หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เช่นเดียวกับ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีต สส.พัทลุง ที่ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้เช่นกัน
นายนิพิฏฐ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ “กู้มาแจก ถึงครูอังคณาแน่” โดยระบุว่า “สรุปว่า รัฐบาลจะกู้เงิน 500,000 ล้านบาท แล้วแจกประชาชนเป็นเหรียญดิจิทัล วอลเลต ค่อนข้างซับซ้อนนะครับ กู้เงินบาท แต่แจกเป็นเงินดิจิทัล จะมีคำถามตามมาเยอะแยะ
1. กู้เป็นเงินบาท แล้วทำไมไม่แจกเป็นเงินบาทล่ะครับ ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน
2. รัฐบาลเคยแถลงว่า จะตัดงบไม่จำเป็นออก ไม่จำเป็นต้องกู้ แล้วทำไมไม่ทำอย่างที่ว่าล่ะครับ อย่างเรือดำน้ำที่เคยด่าเขาก็ไม่ได้ยกเลิก เพียงเลื่อนออกไปก่อนเพราะมีแต่เรือยังหาเครื่องยนต์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ จะเอาเรือฟริเกตก่อน สรุปจะเอาทั้งเรือดำน้ำและเรือฟริเกต แบบนี้ทหารชอบ บอกว่า คราวหน้าขอครูประชาบาล มาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกนะ
3. เลือกตั้งครั้งหน้า คงมีพรรคการเมืองเสนอนโยบายว่า แจก 15,000 บาทเป็นเงินสด ถ้าคราวนี้แจกได้ ทำไมคราวหน้าจะแจกไม่ได้ ดีเสียอีก ไม่ต้องซื้อเสียงด้วยเงินพรรคการเมือง ซื้อมันด้วยเงินรัฐนี่แหละ
4. ต้องย้อนไปดูกฎหมายเลือกตั้งกันอีกรอบ ว่าการกู้มาแจกจะกลายเป็นการสัญญาว่าจะให้ ตามกฎหมายเลือกตั้งหรือเปล่า
แต่เชื่อเถอะ วันที่รัฐบาลนำร่างพรบ.กู้เงิน เสนอให้ครม.เห็นชอบ วันนั้น รัฐมนตรีที่เป็นนกรู้ จะลาการประชุมเยอะ ผมไม่ทำอะไรหรอก และยังยืนยันผมไม่รับด้วย ไม่ว่าแจกเป็นเงินบาท หรือ เงินดิจิทัล ไม่อยากยุ่งกับรัฐ รัฐก็อย่ามายุ่งกับผมก็แล้วกัน ผมเป็นเสรีนิยม ไม่ใช่นักประชาธิปไตย เรื่องนี้ไม่ง่าย คอยดูเถอะเรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”
เมื่อโพสต์ประเด็นดิจิทัลวอลเล็ตถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์เพื่อออกความเห็นมากมาย และมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป บางส่วนมองว่า รัฐบาลไม่ควรกู้เงินมาแจกเพื่อให้เกิดหนี้อีก อีกทั้งควรฝั่งเสียงฝ่ายที่คัดค้านบ้าง
นอกจากนี้ บางส่วนมุ่งไปที่การเลือกตั้งรัฐบาล โดยการคอมเมนต์ต่าง ๆ อาทิ “แนะนำนโยบาย ที่ใช้หาเสียงในสมัยหน้า แจกคนละแสนเลยครับ พรรคไหนจะนำไปหาเสียง เอาไปใช้ได้เลยครับ”, “เมื่อไหร่ที่แต่ละพรรคจะเลิกนโยบายหาเสียงเอาหรอย เกทับกันสักทีนะครับ” เป็นต้น
แม้จะมีเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ พร้อมแหล่งที่มาของงบประมาณที่ใช้ในโครงการค่อนข้างแน่ชัดแล้ว แต่ประชาชนรวมถึงนักการเมืองบางส่วนยังมองว่า โครงการแจกเงินดิจิทัลไม่คุ้มค่าในระยะยาว ทั้งยังมีหลายฝ่ายที่สนับสนุน และมีหลายฝ่ายที่ออกมาคัดค้าน โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีจุดสิ้นสุดลงแต่อย่างใด