รวม 3 หนังและซีรีส์ฝรั่ง LGBTQ+ ประจำปี 2023 แนวโรแมนติก ดราม่า ฟีลกู๊ด ครบรส เต็มไปด้วยประเด็นความสัมพันธ์ของกลุ่ม LGBTQ+ ที่กำลังถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง สะท้อนปัญหาความรักบนความต่างที่ยากจะเอาชนะได้
เตรียมดูกันให้ตาแฉะ จัดเต็มความหวานโรแมนติกแบบไม่มีพัก รวม 3 ภาพยนตร์และซีรีส์ LGBTQ+ สำหรับสายฝอ หนังฟีลกู้ด ดูแล้วได้ข้อคิดน้ำตาซึม บทดีไม่มีบ้ง ดูได้แล้วผ่านแพลต์ฟอร์มสตรีมิ่งออนไลน์ จัดมาให้ครบรสทุกอารมณ์ ทั้งเรื่องราวอุปสรรคในมิติของชนชั้นสูง ไปจนถึงคู่รักวัยรุ่นไฮสกูล แต่เหนือสิ่งอื่นใด “ความรักมักจะชนะทุกสิ่ง” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีบทบาทแบบไหน คุณคู่ควรกับความรักที่สวยงามเสมอ
แต่อย่าเพิ่งกลัวว่าดูแล้วจะเครียด ปวดหัว กุมขมับกันนะ เพราะฉากหวาน ๆ น่ารักละมุนหัวใจก็ใส่มาจัดเต็มไม่แพ้กัน สงสัยผู้กำกับอยากเอาใจพวกเราแหง ๆ รับรองว่าสายซีรีส์วายมีเขินตัวบิด นั่งยิ้มไม่หุบเป็นแน่ แค่เขาจ้องตากันก็จะไม่ไหวแล้วปะ ทำไมถึงเข้ากันได้ขนาดนั้น
ใครอยากหาอะไรดูแก้เบื่อแบบปล่อยจิตปล่อยใจ แตะเรื่องการเมือง เรื่องแวดวงสังคมชั้นสูงนิด ๆ วันนี้ทีมงาน Thaiger นำหนังและซีรีส์ 3 เรื่องห้ามพลาด พร้อมแปะช่องทางรับชมให้ดูกันยาว ๆ จ้า
1. Red White & Royal Blue
จากความบังเอิญสู่รักโรแมนติกที่มิอาจต้านไหว เรื่องราวความรักของ 2 ชนชั้นสูงระหว่าง เจ้าชายเฮนรี่ แห่งราชวงศ์อังกฤษ นำแสดงโดย นิโคลัส กาลิตซีน (Nicholas Galitzine) และ อเล็กซ์ ลูกชายประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นำแสดงโดย เทย์เลอร์ ซาคาร์ เปเรซ (Taylor Zakhar Perez) แม้ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่เริ่ม แต่ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ถลำลึกลงไปในห้วงความรักอย่างห้ามไม่ได้ ความเป็นชนชั้นสูงของทั้งสองจะพาให้ผู้ชมรู้สึกถึงกลิ่นอายราชวงศ์อังกฤษ ผสมผสานประเด็นการเมืองอันร้อนระอุในหลายมิติ
จุดเด่นเรื่องนี้ คือ การฝ่าฟันความรักที่ต้องเก็บเป็นความลับไปด้วยกัน ในขณะที่อีกคนเป็นเจ้าชายแห่งอังกฤษ อีกคนเป็นลูกชายประธานาธิบดี อ่านแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่ารักครั้งนี้ทรหดพอสมควร ทั้งการถูกครอบด้วยจารีตประเพณี บทบาทหน้าที่ซึ่งพ่วงเอาไว้กับการรักษาหน้าตาของตระกูล แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรคที่แก้ไม่ง่ายนัก แต่บทก็เล่าออกมาได้อย่างงดงาม ยิ่งส่งให้บทของหนังเรื่อง Red White & Royal Blue เข้มข้นขึ้นไปอีก
ถ้าอยากรู้ว่าทั้งสองฝ่าฟันความรักครั้งนี้และเปิดเผยตัวตนให้คนทั้งโลกรู้ได้อย่างไร สามารถรับชมหนังเรื่อง Red White & Royal Blue ได้แล้วทาง Prime Video ความยาว 112 นาที เลือกชมได้ทั้งแบบซับไทยและพากย์ไทย
2. Young Royals
มินิซีรีส์รักวัยรุ่นต่างชนชั้น ปลุกฮอร์โมนวัยรุ่นให้ออกมาวิ่งพล่าน เมื่อเจ้าชายสุดฮอทอย่าง เจ้าชายวิลเฮ็ล์ม นำแสดงโดย เอ็ดวิน ไรดิง (Edvin Ryding) ถูกจับทำทัณฑ์บนให้ย้ายมาโรงเรียนประจำ แต่ดันมาตกหลุมรัก ซีมอน นำแสดงโดย โอมาร์ รุดแบร์ก (Omar Rudberg) เด็กหนุ่มสามัญชนตั้งแต่แรกพบซะได้ งานนี้เลยกลายเป็น “รักต้องห้าม”
แน่นอนว่าเป็นเจ้าชายก็ต้องถูกจับตาชนิดที่ว่าขยับตัวไปไหนคนรู้หมด ฉะนั้นทำอะไรก็ต้องแอบ ๆ ซุ่ม ๆ แต่สุดท้ายฮอร์โมนอันเร่าร้อนของทั้งสองก็หลบไม่พ้นอยู่ดี หลังจากมีคนออกมาแฉเหตุการณ์ฉาวจังหวะที่ทั้งคู่กำลังใช้เวลาร่วมกันสองต่อสองในห้องนอน
มินิซีรีส์ 6 ตอนเรื่องนี้ดำเนินถึงความสัมพันธ์อันยุ่งยาก สะท้อนปัญหาความน่าอึดอัดของกลุ่ม LGBTQ+ วัยรุ่นวัยลองในโรงเรียนประจำ รวมถึงการต่อสู้กับความต่างระหว่างชนชั้นในสังคมไฮโซ ถ้าอยากรู้ว่าสุดท้ายเจ้าชายสุดฮอทผู้สูงศักดิ์จะเลือกเดินเส้นทางไหน ตัวละครที่มีปูมหลังอันซับซ้อนจะเล่นแง่ใส่กันอย่างไร ต้องลองไปติดตามซีรีส์เรื่อง Young Royals ทางสตรีมมิง Netflix ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 ซีซัน ซีซันละ 6 ตอน และคาดว่าซีซันที่ 3 จะมาช่วงต้นปี 2024 อดใจรออีกนิดเดียว ระหว่างนี้แนะนำให้ดูสองซีซันก่อนหน้าปูพื้นไปก่อน หรือใครจะเก็บไว้ดูรวดเดียวจบเลยก็ได้
3. Heartstopper
ซีรีส์รักละมุนหัวใจแนว High School ที่มีชื่อไทยว่า “เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น” ยอมรับว่าใจหยุดเต้นจริง ๆ เมื่อได้สัมผัสความน่ารักเจือทะเล้นของ นิค เนลสัน นำแสดงโดย คิท คอนเนอร์ (Kit Connor) นักกีฬารักบี้เบอร์ต้น ๆ แห่งรุ่น ความนุ่มฟูน่ากอดแบบไทป์ลูกหมาโกลเด้นของ นิค ได้ช่วยโอบกอดหนุ่มน้อยชอบเก็บตัวอย่าง ชาร์ลี สปริง นำแสดงโดย โจ ล็อค (Joe Locke) ที่มีอาการเกย์แพนิค (Gay Panic) หลังจากคนในโรงเรียนมีท่าทีต่อต้านเมื่อเขาได้เปิดเผยตัวตน กลับกัน นิค กลายเป็นคนเดียวที่ยอมรับและไม่แสดงท่ารังเกียจ ชาร์ลี เลย
ความใกล้ชิดสนินสนมนำพาให้ นิค เริ่มสับสนว่าเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ เพราะเขารู้สึกหวั่นไหวและหลงใหลในร่างกายชาร์ลีมากขึ้นเรื่อย ๆ การค้นหาตัวตนท่ามกลางความโหดร้ายในสังคมโรงเรียนที่ยังไม่เปิดใจให้กับชาว LGBTQ+
การสะท้อนถึงมุมมองปัญหา และเพศวิถีในเฉดสีต่าง ๆ จึงทำให้เรื่อง Heartstopper เป็นซีรีส์ที่กวาดคะแนน 100 % เต็มจากเว็บไซต์รีวิวซีรีส์และภาพยนตร์อย่าง Rotten Tomatoes แบบไม่ต้องสงสัย
ในขณะที่บทพยายามฉายภาพปัญหาที่วัยรุ่น LGBTQ+ ต้องเจอในโรงเรียนก็ไม่ลืมที่จะหยอดความน่ารัก ความอบอุ่นละมุนหัวใจไว้ตลอดทั้งเรื่อง แต่ละฉากของทั้งคู่ราวกับว่ามีกันแค่สองคนในที่แห่งนี้ สาบานว่าหุบยิ้มไม่ลงจริง ๆ
กลิ่นความคลั่งรักลอยฟุ้งกลบความใจแคบของคนในโรงเรียนไปหมดสิ้น ซีรีส์ไม่เพียงแค่ฉายภาพความสัมพันธ์แบบชาย-ชายเท่านั้น แต่ยังมีพาร์ทอุปสรรคความรักแบบหญิง-หญิงให้เราได้ทำความเข้าใจพวกเขามากขึ้นอีกด้วย
สามารถตามไปสัมผัสความเขินตัวบิดกันต่อได้แล้วทางสตรีมมิง Netflix มีทั้งหมด 8 ตอน ส่วน Heartstopper : Season 2 เพิ่งฉายให้รับชมเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมานี้เอง และมีแววว่าเราจะได้เห็น Heartstopper : Season 3 ต่ออย่างแน่นอน
กดติดตามเพจเฟซบุ๊ก Thaiger เพจใหม่ ไม่พลาดทุกข่าวสาร คลิกที่นี่