เคสหม้ายขันหมากเที่ยวล่าสุด สาวสะอื้นว่าที่เจ้าบ่าวเทงานหมั้น วางมัดจำ 2,000 ก่อนจะหนีหาย ติดต่อไม่ได้ โดยเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา น.ส.นิ้ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ชาวต.บ้านดุง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือกับนักข่าว
หลงัจากเธอเองถูกชายหนุ่มชื่อ นายโหน่ง (นามสมมติ) อายุ 33 ปี หนุ่มหล่อจากอีกหมู่บ้านหลอกมาจะหมั้น แต่สุดท้ายโดนเทหนีหน้าหายตาไปติดต่อไม่ได้
โดย น.ส.นิ้ง และมารดายังได้เปิดเผยหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นบันทึกสัญญาที่เขียนเอาไว้ว่า “การสู่ขอหมั้นหมาย แต่งงาน ระหว่างนายxxx และ น.ส. xxx สู่ขอเมื่อวันที่ 1 ต.ค.65 ค่าสินสอด 50,000 บาท,ทอง 1 บาท แต่งเดือน ก.พ.66″ โดยมีพยานลงชื่อเอาไว้เรียบร้อยเป็นหลักฐาน 6 คน
หญิงสาวผู้เสียหายซึ่งโดนเทงานหมั้น กล่าวว่า เธอรู้จักกับฝ่ายชาย เมื่ิประมาณปลสยเดือนกันยายนที่ผ่านมา โโยการแนะนำจากเพื่อนในวงเหล้า ประกอบกับเวลานั้นฝ่ายผู้หญิงเพิ่งอกหักใหม่ๆ
น.ส.นิ้ง ยอมรับว่า เสียตัวให้ว่าที่สามีแล้วและก็ได้ตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกัน ฝ่ายชายบอกว่าจะให้พ่อแม่มาสู่ขอทันทีและให้ลาออกจากงานมาอยู่ช่วยงานที่บ้าน
ผู้เสียหายจึงลาออกจากงานในห้างกะทันหันไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายเลย ไปทำทุกอย่าง ล้างถ้วยล้างชาม ทำแบบที่ผู้หญิงทำเป็นแม่บ้านศรีเรือนและว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดี
กระทั่งต่อมาวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา มีการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมาตกลงกัน โดยตกลงแต่งเดือน ก.พ.ปีหน้า เป็นเงิน 50,000 บาทและทอง 1 บาท และทำสัญญากันอย่างดี วันนั้นตกลงกันว่าจะจ่ายวันที่หมั้นหมาย 10,000 บาทไว้ก่อน แต่พ่อแม่ฝ่ายชายเอาเงินวางไว้แค่ 2,000 ทำให้ตกลงกันไม่ได้จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไป
ฝ่ายหญิงสาว เปิดใจต่อว่า เธอเองนั้นเสียใจที่ว่าที่สามีและฝ่ายพ่อแม่เขามาทำแบบนี้ ปล่อยหนูทิ้งไว้เป็นหม้ายขันหมาก ยอมรับว่ารักผู้ชายคนนี้มาก วาดฝันว่าถ้าแต่งงานแล้วก็จะไปทำงานเมืองนอกเก็บเงิน ตั้งหลักปักฐานจบไว้ที่ผู้ชายคนนี้คนเดียว ตอนนี้อยากให้กลับมา พร้อมจะแต่งงานด้วยเหมือนเดิม แต่หากไม่มาอยากให้ติดต่อมาเพื่อรับผิดชอบที่ต้องเสียตัวไปด้วย ตอนนี้ก็อยากให้ติดต่อมาบ้าง รู้ว่าเขาถูกพ่อและแม่เขาบีบบังคับจนต้องหนีไป
ขณะที่ แม่ของฝ่ายหญิง เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนอแรกครอบครัวดีใจที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา วันที่ 1 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ฝั่งผู้ชายมาที่บ้านพูดคุยตกลงงานหมั้นหมายและงานแต่งกับลูกสาวตน โดยมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านมาร่วมงานด้วย
แม่ฝ่ายหญิง เล่าต่อว่า วันดังกล่าวตกลงค่าหมั้นไว้ 10,000 บาท แต่เขาเอาให้แค่ 2,000 บาทถือว่าดูถูกกันเกินไป จากนั้นเขาก็ให้ลูกชายเขาหนีไปไม่ให้ติดต่อลูกสาว พวกเราก็อายคนในหมู่บ้าน มาทำแบบนี้ได้อย่างไร ทำให้ครอบครัวเราเสียหน้าเสียตา อายคนในหมู่บ้าน อยากให้ติดต่อกลับมารับผิดชอบบ้าง
