สายดื่มควรรู้ แก้วไวน์มีกี่ประเภท ? ใช้ต่างกันอย่างไร ?
ไวน์นั้น ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความโดดเด่นกว่าเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ แก้วไวน์ ที่แสดงออกให้เห็นถึงศิลปะในการรับประทานอาหารของชนชั้นสูงในฝั่งตะวันตก โดยที่แก้วแต่ละประเภทก็ใช้สำหรับไวน์ที่มีลักษณะต่างกัน ดังนั้นวันนี้ The Thaiger จึงมาแนะนำให้สายตดื่มทุกคนได้รู้กันไว้ แก้วไวน์มีกี่ประเภท ? แต่ละประเภทนั้นใช้งานต่างกันอย่างไรบ้าง ? เพื่อสร้างอรรถรส เพิ่มรสชาติ ให้การดื่มในครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหน ๆ
แก้วไวน์ มีส่วนประกอบอะไรบ้าง ?
ก่อนที่จะไปดูว่าแก้วไวน์นั้น มีกี่ประเภท ก็จะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของแก้วไวน์กันก่อน โดยทั่วไปแล้ว แก้วไวน์ที่ได้มาตรฐานควรมีส่วนประกอบด้วยกันทั้งสิ้น 4 ส่วน ได้แก่
- ขอบแก้ว ควรเป็นขอบที่บางเพื่อที่จะให้การดื่มไวน์นั้นไหลลื่น และที่สำคัญช่วยให้เกิดการสัมผัสที่อ่อนนุ่มในยามที่เอาปากไปแตะกับขอบแก้ว
- ตัวแก้ว ส่วนนี้ถือได้ว่าเป็นตัวแบ่งประเภทของแก้วไวน์ โดยรูปร่างของแก้วไวน์แต่ละประเภทจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้ากับไวน์แต่ละประเภท ต้องเป็นแก้วใสที่เห็นสีของไวน์
- ก้านแก้ว เสาของแก้วที่เป็นช่วงให้ได้จับแก้ว เพื่อไม่ให้ความร้อนจากมือไปกระทบกับรสชาติของไวน์
- ฐานแก้ว เป็นฐานด้านล่างของแก้วที่เอาไว้วางกับสิ่งต่าง ๆ อาทิ โต๊ะ เคาน์เตอร์บาร์ หรือหลังเปียโน
แก้วไวน์มีกี่ประเภท ? ใช้ต่างกันอย่างไร ?
แก้วไวน์แดง
มีลักษณะกลม ตัวแก้วจะใหญ่ และปากแก้วจะกว้าง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับไวน์ในแก้ว ซึ่งจะช่วยให้รสชาติและกลิ่นของไวน์มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น ทั้งยังช่วยกระจายกลิ่นอันซับซ้อน และรสชาติอันเข้มข้นของไวน์แดงได้อีกด้วย โดยแก้วสำหรับไวน์แดง จะแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ได้เป็น
- แก้วกรองด์ครู (Grand Cru)
- แก้วคาบาเน่ (Cabernet) และ แก้วบอร์โดขนาดใหญ่ (Large Bordeaux)
- แก้วพิโนนัวร์ (Pinot Noir) และ แก้วเบอร์กันดี (Burgundy)
แก้วไวน์ขาว
แก้วไวน์ขาว จะมีรูปทรงแตกต่างจากแก้วไวน์แดงไม่มาก เพราะรูปทรงของแก้วไวน์ขาว มีรูปทรงเป็นตัวยู (U) แต่ตัวแก้วจะมีความสูงเพรียวกว่า และปากแก้วไม่กว้างมาก เนื่องจากไม่ต้องการให้มีปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่ส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติของไวน์ขาว ทั้งยังคงรักษาความเย็นไว้ได้อีกด้วย โดยที่แก้วสำหรับไวน์ขาว แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
- โชวิญองบลอง (Seuvignon Blanc)
- ชาร์ดอเน่ (Chardonnay)
แก้วสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine)
เป็นแก้วที่มีรูปทรงยาวและปากแก้วแคบ เพราะรูปทรงแบบนี้จะช่วยลดการสัมผัสกับอากาศ พร้อมรักษาความซ่าอันเป็นเอกลักษณ์ของสปาร์คกลิ้งไวน์เอาไว้ให้นานที่สุด และก้านแก้วก็ควรจะมีความยาวที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียรสชาติ ด้วยความร้อนจากมือผู้ดื่ม แก้วไวน์ชนิดนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- แก้วดอกทิวลิป (TulipGlass)
- แก้วฟลุท (Flute Glass)
- แก้วคูเป้ (Coupe Glass)
- แก้วแชรี่ (Sherry Glass)
แก้วไวน์โรเซ่
ไวน์โรเซ่ ถือเป็นไวน์อีกประเภทที่ไม่ต้องการให้มีปฏิกิริยาออกซิเดชั่นมาก เพราะจะไปทำลายความหอมอ่อน ๆ ของไวน์ ดังนั้น ลักษณะของตัวแก้วไวน์ จะไม่เป็นกระเปาะสูงเพรียวมากนัก และปากแก้วไม่กว้าง เพื่อรักษาความหอมละมุนของกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นดอกไม้ที่อยู่ภายในไวน์ แต่ถ้าหาแก้วไวน์โรเซ่ไม่ได้ ก็สามารถใช้แก้วไวน์ขาวทดแทนได้เช่นกัน
- Slight Taper Design
- Slight Flare Lip Design
แก้วไวน์หวาน
ไวน์หวาน เป็นไวน์ที่เหมาะดื่มคู่กับของหวาน ขนม และเค้ก มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง จึงควรเสิร์ฟในแก้วที่มีขนาดเล็ก ปากแก้วก็ควรยิ่งเล็กตามไปด้วย เพื่อไม่ให้รสชาติของไวน์หวานเกินไป ดังนั้น รูปทรงของแก้วไวน์เป็นทรงกระบอกยาวตรงเพื่อส่งรสหวานของไวน์ให้ตรงไปถึงด้านหลังของปากโดยไม่เสียรสชาติระหว่างทาน
- แก้วแกรปป้า (Grappa Glass)
- แก้วเซี่ยงไฮ้ โซล ลิเคียว (Shanghai Soul Liqueur)
จบกันไปแล้วสำหรับคำถามที่ว่า แก้วไวน์มีกี่ประเภท ? โดยที่ได้ยกตัวอย่างมานั้น เป็นเพียงแก้วพื้นฐานสำหรับนักดื่มเท่านั้น เพราะความจริงแล้วศิลปะในการดื่มไวน์นั้นมีรายละเอียดอีกเยอะแยะมากมายเลยล่ะ ไม่เพียงแค่ชนิดของแก้วเท่านั้น ยังรวมถึงวิธีดื่มไวน์ การดื่มไวน์คู่กับอาหารชนิดต่าง ๆ เรียกได้ว่าไวน์นั้น เป็นอีกหนึ่งศิลปะชั้นสูงของวงการอาหารเลยก็ว่าได้
เรื่อง : สิทธิโชติ ลังกากาศ
บรรณาธิการ : ทศพล ถิรเจริญสกุล
- พิธีจัดงานศพ ศาสนาคริสต์ นิกายโปรเตสแตนต์ จัดอย่างไร
- 8 น้ำหอมผู้หญิง 2022 น้ำหอมแบรนด์ดัง ติดทนนาน เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเอง
- ประวัติ Sberbank ธนาคารรัสเซีย ธุรกิจบนเส้นด้าย พิษสงคราม
- แนะนำ 9 ที่พักใกล้ BTS เดินทางสะดวก ในราคาประหยัด
? ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน The Thaiger