[รีวิว] ‘ร่างทรง (The Medium)’ หนังสยองขวัญบรรยากาศชวนหลอน กับเรื่องราวของพิธีกรรมและความเชื่อ ดีกรีอันดับ 1 Box Office ที่ประเทศเกาหลี
‘ร่างทรง (The Medium)’ หนังสองสัญชาติไทย-เกาหลี แนวดราม่า-สยองขวัญ นำแสดงโดย ‘เอี้ยง สวนีย์ อุทุมมา‘ รับบท ‘ป้านิ่ม‘ และ ‘ญดา นริลญา กุลมงคลเพชร‘ รับบท ‘มิ้งค์‘ ได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่าง ‘โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล‘ จาก ‘ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ‘ มาขึ้นแท่นกำกับ โดยมี ‘นาฮงจิน‘ จาก ‘The Wailing‘ มาเป็นโปรดิวเซอร์
เรื่องย่อ
หนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทีมงานที่เข้าไปถ่ายทำข้อมูลเรื่องราวของร่างทรงในไทย โดยมีผู้ให้สัมภาษณ์คือ ป้านิ่ม ที่เป็นร่างทรงของ ‘ย่าบาหยัน‘ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำท้องถิ่นในจังหวัดเลย ซึ่งการสืบทอดอำนาจจะเกิดขึ้นภายในครอบครัวที่เป็นเพศหญิง นั่นก็คือ มิ้งค์ หลานสาวของ ป้านิ่ม ที่ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดร่างทรงคนต่อไป
รีวิว
ภาพในหนังเป็นการถ่ายทำแนว ‘สารคดีปลอม (Mockumentary)‘ โดยจะใช้กล้องติดตามชีวิตของตัวละครทำให้ตัวเนื้อเรื่องนั้นดูน่าเชื่อถือ และดูเหมือนว่าเราได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง ๆ ผสมผสานเข้ากับฉากและบรรยากาศชวนหลอนตามสไตล์ของหนัง นาฮงจิน กับความป่าเขาในหน้าฝน ที่มีความอึมครึมชวนเร้นลับของพิธีกรรมและความเชื่อที่ถูกแฝงอยู่ในเนื้อเรื่อง
เบื้องต้นตัวหนังไม่ได้เป็นผีแบบ ‘Jump Scare‘ แต่จะไต่ระดับความหลอนขึ้นมาเรื่อย ๆ ปูเรื่องมาให้คนดูเริ่มอินไปกับมันจนเริ่มรู้สึกหลอนและอึดอัดในแบบที่ไม่รู้ตัว ผนวกกับฉากที่มีความขลังของบรรยากาศทั้งในฉากภูเขาที่เป็นที่สถิตของรูปปั้น ย่าบาหยัน และตึกร้างที่มีรากไม้ชอนไชระเกะระกะไปด้วยของเซ่นไหว้ทำพิธีต่าง ๆ ที่ชวนขนหัวลุก
และที่โด่ดเด่นในหนังเรื่องนี้คือ ตัวละคร ซึ่งแสดงกันออกมาได้ดีมาก แม้ว่าจะไม่เคยเล่นหนังใหญ่มาเลยก็ตาม แต่กลับทำให้คนดูเชื่อราวกับว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันจริง ๆ ตามเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะ ป้านิ่ม เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับหนังเรื่องนี้ เธอเล่นได้อย่างมีความซับซ้อนในอารมณ์ เพียงแค่แสดงออกแค่ทางสีหน้าและการกระทำก็ทำให้คนดูเชื่อไปอย่างสนิทใจ
ภูมิหลังตัวละครที่นำเสนออกมาในช่วงแรกมันทำให้หนังกลายเป็นสารคดีขึ้นมา มีความคอนฟลิคภายในครอบครัวอยู่สูง เนื้อเรื่องปูทางลึกลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพล็อตพลิกไปแบบราวกับปั่นหัวคนดู หลอกให้หลงทางแต่เหมือนว่าจะไปไม่สุดสักทาง ความขลังของ ย่าบาหยัน เริ่มหลุดลอยหายไป กลายเป็นวิญญาณอาฆาตแค้นเข้ามาแทนที่
ความเป็นสารคดีของหนังเริ่มไม่มีความเรียลตั้งแต่ฉากของ มิ้งค์ ที่เริ่มอาละวาดทุกคนแต่กลับมองข้ามตากล้องไป คนรอบข้างดูไม่ได้สนใจกับอาการป่วยของเธอในขณะที่เธอแสดงมันออกมาอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นหนังจงใจสาดไฟส่องไปที่คน ๆ เดียว ระดับความน่าเชื่อถือดูลดต่ำลง จนกระทั่งตากล้องเริ่มโผล่เข้ามามีส่วนร่วมกับหนัง กลายเป็นฉากไล่ล่าเหมือนหนังแอคชั่นฮาร์ดคอร์
เหมือนจงใจถ่ายฉากที่ตัวเองกำลังจะตาย ทั้ง ๆ ที่ พวกเขา ควรที่จะแสดงความรู้สึก ณ ขณะนั้นแทนคนดู แต่กลายเป็นว่าหนังลืมใส่ความเป็น มนุษย์ ลงไป ทั่ง ๆ ที่ในช่วงแรกก็พยายามทำให้คนดูอินไปกับความเป็น สารคดี และเชื่อว่ามันมี ความจริง ที่แอบแฝงอยู่ภายในเรื่อง ราวกับเป็นการทำลาย จุดชูโรง ของตัวเองไปกลาย ๆ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู ร่างทรง สามารถเข้าไปรับชมกันได้ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ในโรงภาพยนตร์ การันตีความขนลุกด้วยดีกรีหนังเกาหลีอันดับ 1 บน Box Office ที่ประเทศเกาหลี แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ไปรับชมกันในโรงภาพยนตร์ เพราะจะได้สามารถเก็บทุกรายละเอียด ทั้งดีเทลของภาพที่ถูกถ่ายทอดออกมา และเสียงที่สมจริงราวกับมี บางสิ่ง ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา
- เปิดรายได้ ร่างทรง วันแรก กวาดความสยองคนไทย 8.69 ล้านบาท
- จีดีเอช เปิดสัมภาษณ์พิเศษผู้กำกับ-นักแสดงจากหนัง ร่างทรง
- โต้ง บรรจง เล่าที่มา กว่าจะเป็น ร่างทรง หนังสยองขวัญแนวใหม่
ภาพ: Facebook GDH