
ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียวตั้งกองทุน TISA ลดหย่อนภาษีสูงสุด 8 แสนบาท หนุนคนไทยออมระยะยาว ลงทุนหุ้นไทย-เทศได้ยืดหยุ่น เริ่มดีเดย์ 1 ม.ค. 2569
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ผ่านโครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล หรือ Thailand Individual Savings Account (TISA) โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง
โครงการ TISA จะเริ่มเปิดให้ประชาชนเปิดบัญชีกับผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยจุดเด่นของ TISA คือการปรับโครงสร้างสิทธิประโยชน์ทางภาษีครั้งใหญ่ โดยกำหนดวงเงินลดหย่อนภาษีจากการออมและการลงทุนรวมสูงสุดไม่เกิน 800,000 บาทต่อปี (จากเดิม 500,000 บาท) และยกเว้นภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย สำหรับเงินลงทุน 200,000 บาทแรก โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือผู้ลงทุนจะต้องถือครองสินทรัพย์ในบัญชี TISA ไม่น้อยกว่า 5 ปี และจะไถ่ถอนได้เมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
สำหรับรายละเอียดการหักลดหย่อนภาษีภายใต้โครงการ TISA จะแบ่งตามฐานรายได้ของผู้มีเงินได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและจูงใจคนชั้นกลาง ดังนี้
- ผู้มีเงินได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่าของเงินที่จ่ายจริง (สูงสุดไม่เกิน 1.04 ล้านบาท)
- ผู้มีเงินได้เกิน 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 0.7 เท่าของเงินที่จ่ายจริง (สูงสุดไม่เกิน 560,000 บาท)

รูปแบบการลงทุนใน TISA มีความยืดหยุ่นสูงกว่ากองทุนประหยัดภาษีในอดีต (เช่น LTF) โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งตราสารหนี้ ตราสารทุน และที่น่าสนใจคือการเปิดกว้างให้ลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวมหรือตราสารแสดงสิทธิ์ (DR) ซึ่งครอบคลุมหุ้นเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Nvidia หรือ Tesla ได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงและจัดพอร์ตการลงทุนได้เหมาะสมตามความต้องการ โดยโครงการนี้จะไม่มีการกำหนดวันหมดอายุโครงการ เพื่อป้องกันแรงเทขายเมื่อสิ้นสุดโครงการและลดการบิดเบือนของตลาด
นอกจากการอนุมัติ TISA แล้ว ภาครัฐยังเดินหน้ามาตรการคู่ขนานภายใต้นโยบาย Quick Big Win อีก 5 ด้าน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการออม ได้แก่
- โครงการพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการออม จำหน่ายผ่าน Bond Connect Platform เริ่มเดือนมกราคม 2569 ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
- มาตรการไมโครอินชัวรันส์ ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงประกันภัยพื้นฐาน
- ประกันชีวิตแบบบำนาญรูปแบบใหม่ (Lump-Sum Annuity) ปรับเกณฑ์ให้สามารถรับเงินบำนาญงวดแรกเป็นเงินก้อนได้ไม่เกิน 30% ของทุนประกัน
- ปฏิรูปเกณฑ์การลงทุนธุรกิจประกันภัย ยกระดับความมั่นคงและผลตอบแทนให้สอดคล้องกับความเสี่ยง
- ปรับปรุงค่าความเสี่ยง (Risk Charge) ในตราสารทุนเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลาออกแล้ว ถอนกองทุนได้เท่าไหร่ เปิดตัวเลขจริงที่หลายคนยังไม่รู้
- คลังยืนยัน คนละครึ่ง เฟส 2 ได้ใช้ทันก่อนวันรัฐบาลอนุทินประกาศยุบสภาฯ แน่นอน
- เคาะแล้ว จ่ายเงินประกันสังคม เพิ่มสูงสุด 875 บาท เริ่ม 1 ม.ค.69 หลังปรับเพดานค่าจ้าง ม.33
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





