3 แม่ลูกเยอรมันดับปริศนาในโรงแรม คาด “ยาพ่นฆ่าตัวเรือด” รั่ว ตร.จับ 11 คน

โรงแรมดังในอิสตันบูลถูกสั่งปิด-อพยพแขก หลัง 3 แม่ลูกเยอรมันดับปริศนา ป่วยเพิ่มอีก 2 ตำรวจคุมเจ้าของโรงแรม, พนักงาน, บริษัทกำจัดแมลง และคนขายอาหาร
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน เหตุสลดที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี หลังนักท่องเที่ยวแม่ลูก 3 คน จากฮัมบูร์ก เยอรมนี เสียชีวิตปริศนาระหว่างการพักผ่อน ล่าสุด ตำรวจตุรกีได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 11 คน เพื่อสืบสวนหาสาเหตุ
เดิมทีคาดว่าเป็นการอาหารเป็นพิษ แต่หลักฐานใหม่ชี้ว่าอาจเกิดจาก “ยาฆ่าแมลง” สื่อท้องถิ่นตุรกี รายงานอ้างผู้สืบสวนว่า โรงแรมได้ฉีดพ่นสารเคมีในห้องพักชั้นล่าง เพื่อกำจัดตัวเรือด และสันนิษฐานว่าสารเคมีอาจลอยขึ้นไปถึงห้องพักของครอบครัวชาวเยอรมันที่อยู่ชั้นบน ผ่านทางช่องระบายอากาศในห้องน้ำ
เหตุการณ์บานปลายเมื่อวันเสาร์ (15 พ.ย.) โรงแรมดังกล่าวซึ่งอยู่ในย่านฟาติห์ ใกล้แหล่งประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล ต้องอพยพแขกออกจากโรงแรม หลังพบแขกอีก 2 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการคล้ายคลึงกัน สำนักข่าวอนาโดลูรายงานว่า โรงแรมถูกเจ้าหน้าที่สั่งปิดตายในวันอาทิตย์
รายงานระบุว่า ผู้ถูกควบคุมตัว 11 คน ประกอบด้วย คนขายอาหาร 5 คน, เจ้าของโรงแรม 1 คน, พนักงานโรงแรม 2 คน และพนักงานบริษัทกำจัดแมลง 3 คน โดย 8 คนในกลุ่มนี้มีกำหนดขึ้นศาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ขณะนี้กำลังรอรายงานพิษวิทยาจากผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช และผลการตรวจสอบตัวอย่างอาหาร ประธานาธิบดี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า “กองกำลังความมั่นคงและอัยการของเราจะสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้”
รายงานข่าวระบุว่า ร่างของแม่และลูกทั้งสองคนได้ถูกนำไปประกอบพิธีฝังแล้วเมื่อวันเสาร์ ที่หมู่บ้านของครอบครัวในภาคกลางของตุรกี
ทริปสยอง อินฟลูสาว เที่ยวศรีลังกา ตายคาโรงแรม คาดจากยาฆ่าแมลงห้องข้างๆ
เราควรกังวลแค่ไหนเมื่อไปพักในโรงแรม จะไม่ป่วยหรืออันตรายจากยาฆ่าแมลง
มาตรฐานสากลในการกำจัดสัตว์รบกวนในโรงแรม หรือที่เรียกว่า “การจัดการสัตว์รบกวนแบบบูรณาการ” (IPM) มีขั้นตอนที่เข้มงวดอย่างยิ่ง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของแขกเป็นอันดับ 1 ซึ่งแตกต่างจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในอิสตันบูลโดยสิ้นเชิง
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อพบการระบาด (ช่น ตัวเรือด หรือจำเป็นต้องใช้สารเคมีรุนแรง ห้องพักนั้นจะต้องถูกนำออกจากระบบการขายทันที โรงแรมมีหน้าที่ต้องแจ้งเตือนแขกในห้องข้างเคียง หรือในกรณีร้ายแรง อาจต้องย้ายแขกออกจากโซนนั้นทั้งหมด เพื่อป้องกันการสัมผัสสารเคมี
ส่วนที่บกพร่องจนอาจเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คือการจัดการ “พื้นที่กันชน” มาตรฐานสากลกำหนดชัดเจนว่า ห้ามบำบัดเพียงห้องเดียว แต่จะต้องตรวจสอบห้องที่อยู่ติดกันทั้งหมด ทั้งซ้าย, ขวา, ตรงข้าม, ชั้นบน และชั้นล่าง เนื่องจากทั้งตัวแมลงและไอระเหยของสารเคมี สามารถเดินทางผ่านรอยแตกของผนัง, ท่อร้อยสายไฟ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบระบายอากาศได้ ดังนั้น การที่สารเคมีรั่วจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบนผ่านช่องระบายอากาศ จึงถือเป็นความล้มเหลวร้ายแรง
ระยะเวลาห้ามเข้าพักหลังจากพ่นสารเคมี อย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง หรือจนกว่าสารเคมีจะแห้งสนิท จากนั้น พนักงานจะต้องเข้าไปเปิดหน้าต่างและพัดลมระบายอากาศในห้องนั้นทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ไอระเหยที่ตกค้างถูกระบายออกไปจนหมด หากเป็นการบำบัดที่รุนแรง เช่น การรมควัน ระยะเวลาห้ามเข้าพื้นที่อาจยาวนานถึง 12 หรือ 24 ชั่วโมง
ดังนั้น การที่โรงแรมปล่อยให้มีแขกพักอยู่ในห้องที่ติดกับพื้นที่ฉีดพ่นยาฆ่าแมลงรุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิต จึงถือเป็นการละเมิดขั้นตอนปฏิบัติสากลในทุกมิติ ตั้งแต่การไม่แจ้งเตือนและอพยพแขก, การไม่ตรวจสอบห้องกันชนที่เชื่อมต่อกันผ่านระบบระบายอากาศ และการไม่ปฏิบัติตามระยะเวลาห้ามเข้าพื้นที่อย่างเคร่งครัด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น่ากลัวมาก! แพท วงเคลียร์ เล่านาที ชายต่างชาติเมาตามถึงห้องพัก โรงแรม 5 ดาว
- โรงแรมดังสุโขทัย โร่แถลง ปมไดร์เป่าผมหาย หลังลูกค้าโวย ถูกกล่าวหาเป็นขโม
- อินฟลูฯ สาว ตายปริศนาในอ่างอาบน้ำโรงแรม ตร.คาดถูกฆาตกรรม
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





