ตัดเกรดแข้งเรือใบ-ผี เกมขาด 3-0 “อโมริม” กำลังหมดเวลา สถิติคุมทีมชี้ % ชนะสุดแย่

ฮาลันด์ เบิ้ลสอง-โฟเดนโขก ดับผีแดงคาบ้าน 3-0 และสถิติสุดเลวร้ายที่บ่งชี้ว่า รูเบน อโมริม กำลังจะหมดเวลา สถิติตัวเลขคุมทีมชนะเพียง 8 จาก 31 นัดในลีก
ควันหลงหลังเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกศึก “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ครั้งที่ 197 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (14 ก.ย.) ซึ่งผลลงเอยด้วยชัยชนะของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าถิ่นซึ่งไล่ยำ “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมเมืองไปขาดลอย 3-0 โดย “เออร์ลิง ฮาลันด์” กองหน้าตัวเก่งระเบิดฟอร์มทำคนเดียวสองประตูและช่วยให้ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับคืนสู่เส้นทางแห่งชัยชนะอีกครั้ง
ในส่วนของรูปเกม ฟิล โฟเดน โหม่งให้ซิตี้ทะยานขึ้นนำไปก่อนในครึ่งแรก แม้ว่าทีมของ รูเบน อโมริม จะพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง ฮาลันด์ก็เป็นผู้ดับความหวังของพวกเขาจนหมดสิ้น โดยยอดดาวยิงนอร์เวย์จัดการอีกสองประตูจากสองแอสซิสต์อันเฉียบคมของเฌเรมี โดกู และแบร์นาร์โด ซิลวา
แม้ว่า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูคนใหม่ของยูไนเต็ด จะโชว์ซูเปอร์เซฟได้อย่างน่าทึ่งในเกมประเดิมสนามพรีเมียร์ลีกแต่บรรดานักเตะแนวรุกอย่าง เบนจามิน เซสโก้ ก็แทบจะไม่ได้สัมผัสบอล และนั่นคือภาพสะท้อนความแตกต่างที่ชัดเจนของเกมนี้
“ยูไนเต็ด” ขาดความเฉียบคมในจังหวะสุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ “ฮาลันด์” มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
ชัยชนะนัดนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ทีมของ เป๊ป แซงหน้ายูไนเต็ดขึ้นไปบนตารางคะแนนเท่านั้น แต่ยังเป็นการอุทิศให้กับตำนานของเมืองอย่าง “ริคกี้ แฮตตัน” ยอดนักชกขวัญใจมหาชน ซึ่งข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของเขาเพิ่งถูกประกาศออกมาในวันเดียวกัน
“ผมมีแรงจูงใจเป็นพิเศษในเกมนี้ มันเพื่อเขาและครอบครัวของเขา” โฟเดน กล่าวหลังเกม

สถิติที่ไม่อาจปฏิเสธ ! “อโมริม” กำลังจมดิ่ง
สถิติไม่เคยโกหก และตัวเลขคุมทีมของรูเบน อโมริม ในตอนนี้ก็น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
เมื่อนับรวม 17 สโมสรที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอดนับตั้งแต่การมาถึงของกุนซือโปรตุกีสรายนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของอโมริม มีอันดับอยู่ “รั้งท้าย” ของตารางคะแนน นี่คือคำตัดสินที่ชัดเจนที่สุดต่อผลงาของผู้จัดการทีมวัย 40 ปี
อัตราการชนะในพรีเมียร์ลีกของอโมริมอยู่ที่เพียง 26% เท่านั้น ในบรรดาผู้จัดการทีมยูไนเต็ดที่คุมทีมอย่างน้อย 20 นัด มีเพียงผู้จัดการทีมในยุคโบราณเพียง 2 คนเท่านั้นที่มีสถิติย่ำแย่กว่าเขา
การมีเพียง 4 คะแนน จาก 4 เกม ยังถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดของปีศาจแดงในรอบกว่า 30 ปี แม้ว่าในฤดูกาลนั้น ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะพลิกกลับมาคว้าแชมป์ได้ แต่บอกได้เลยว่า “จะไม่มีใครคาดหวังให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก”

“ถ้าไม่เปลี่ยนผม ก็ต้องเปลี่ยนปรัชญา” คำพูดสุดท้ายของอโมริม ?
และดูเหมือนว่าตัวของอโมริมเองก็ตระหนักถึงชะตากรรมนี้ดี เมื่อเขาถูกถามถึงสถิติการคุมทีมชนะเพียง 8 จาก 31 นัดในลีก กุนซือชาวโปรตุกีสได้ตอบคำถามอย่างท้าทายว่า “ผมเข้าใจและยอมรับมัน มันไม่ใช่สถิติที่ควรจะมีในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่พวกคุณไม่รู้ แต่ผมยอมรับมัน
“แต่ผมจะไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อไหร่ที่ผมอยากจะเปลี่ยนปรัชญาของผม ผมจะเปลี่ยนเอง แต่ถ้าไม่คุณก็ต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม”
“ผมจะทุ่มเททุกอย่าง และจะทำทุกอย่างโดยคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสโมสรเสมอ ที่เหลือมันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ผมทรมานมากกว่าพวกเขาเสียอีก” (ที่มา : Skysports)


บทวิเคราะห์เจาะลึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ตัดเกรดแข้งผีแดง-เรือใบ เมื่อ “ฮาลันด์” โชว์ความเฉียบขาด และ “ชอว์” สอบตกอย่างสิ้นเชิง !
ชัยชนะ 3-0 ของแมนฯ ซิตี้ เหนือยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขบนสกอร์บอร์ด
รายงานจากแมนเชสเตอร์อีฟนิ่ง ชี้ชัดว่ามันคือภาพสะท้อนของความต่างชั้นในแทบทุกตำแหน่งในสนาม และนี่คือคะแนนความสามารถของนักเตะ 2 ทีมในเกมที่อาจเรียกได้ว่าเจ้าบ้านสนุกอยู่ฝ่ายเดียว
เจาะคะแนนฝั่งผู้แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อัลทาย บายินเดียร์ : 5/10
- มีจังหวะเหวอให้เห็นตั้งแต่ต้นเกม ! และดูตัวเล็กไปถนัดตาในจังหวะที่ฮาลันด์หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงลูก 2-0

เลนี โยโร : 6/10
- รับมือกับโดกูได้ค่อนข้างดี แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ย้ายฝั่งไปสร้างเกมจนเกิดประตูแรก ก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัวออกเพื่อให้ แฮร์รี แม็กไกวร์ ขึ้นไปลุ้นทำประตูแทน

มัทไธส์ เดอ ลิกต์ : 5/10
- ต่อสู้อย่างเต็มที่กับฮาลันด์ แต่ก็โดนแทรกกลางระหว่างเขากับชอว์จนเสียประตูที่สอง แถมยังมีจังหวะจ่ายบอลพลาดเกือบเสียประตู
ลุค ชอว์ : 4/10
- นี่คือคะแนนที่ต่ำที่สุดในสนาม ครึ่งแรกพอใช้ได้ แต่ครึ่งหลังเขาถูกเปิดเปลือยให้เห็นว่าเป็น “เซ็นเตอร์แบ็กจำเป็น” อย่างแท้จริง เมื่อถูกฮาลันด์ใช้ความแข็งแกร่งทะลวงผ่าน และยังประกบตัวพลาดในประตูที่สามอีกด้วย
นูสแซร์ มาซราอุย : 6/10
- กลับมาเป็นตัวจริงได้อย่างมั่นใจ จนกระทั่งตามเกมไม่ทันในจังหวะเสียประตูที่สอง และถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างรวดเร็ว
มานูเอล อูการ์เต : 6/10
- เป็นการกลับมาสู่ทีมตัวจริงที่น่าประหลาดใจ และเขาก็คือผู้เล่นที่ดีที่สุดของยูไนเต็ดในครึ่งแรกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเกมรุกของซิตี้ในครึ่งหลังได้ไหว

บรูโน แฟร์นันเดส : 5/10
- มีความผิดฐานไม่วิ่งตามประกบตัวที่สอดขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยให้คู่แข่งวิ่งทำประตู ซึ่งเป็นภาพซ้ำกับเกมที่เจอ เอมิล สมิธ โรว์ ของฟูแล่มเมื่อสามสัปดาห์ก่อน
แพทริก ดอร์กู : 4/10
- ควรจะตัดบอลที่ซิตี้สวิตช์แกนได้ในจังหวะที่นำไปสู่ประตูของโฟเดน มีโอกาสเปิดบอลให้เซสโก้หลายครั้ง แต่การครอสบอลของเขาเข้าขั้นเลวร้าย

บรีย็อง เอ็มเบอโม่ : 6/10
- ได้บอลเยอะแต่สร้างอิมแพคในครึ่งแรกไม่ได้เลย ก่อนจะมีโอกาสทองแต่ก็ถูกเซฟได้อย่างน่าเหลือเชื่อโดย “ดอนนารุมม่า”
อาหมัด : 5/10
- ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ทางฝั่งซ้าย และมีจังหวะวอลเลย์พลาด ไม่ได้มีอิทธิพลต่อเกมเหมือนฤดูกาลที่แล้วเลย
เบนจามิน เซสโก้ : 6/10
- สร้างโอกาสให้ดอนนารุมม่าได้ออกแรงเซฟตั้งแต่ต้นเกม และเป็นคนเดียวที่มีโอกาสยิงในครึ่งแรก ก่อนจะค่อยๆ หายไปจากเกมในครึ่งหลัง
ตัวสำรอง
แฮร์รี แม็กไกวร์ (5) : ลงมาเพื่อเพิ่มความหวังในการทำประตูจากลูกตั้งเตะ
ค็อบบี ไมนู (5): ไม่สามารถสร้างผลกระทบใดๆ
โจชัว เซิร์กซี (5): เช่นเดียวกับไมนู
คาเซมิโร (5): ลงมาแทนอูการ์เตเพื่อสร้างสมดุล แต่ก็พลาดโอกาสทองไป
ผู้จัดการทีม (รูเบน อโมริม): 5/10
การเสี่ยงส่งอูการ์เตลงสนามถือว่าได้ผล แต่การตัดสินใจทางแท็กติกที่ใช้ ชอว์ และ แฟร์นันเดส ในตำแหน่งที่ไม่คุ้นเคย ก็นำไปสู่การเสียประตูโดยตรง

คะแนนฝั่งผู้ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
จานลุยจิ ดอนนารุมม่า: 8/10
- บัญชาการลูกกลางอากาศได้อย่างเด็ดขาด เซฟลูกยิงของเซสโก้ได้สบายในครึ่งแรก และใช้รูปร่างสูงใหญ่ให้เป็นประโยชน์ในการป้องกันลูกยิงมหัศจรรย์ของเอ็มเบอโม่ในช่วงที่ทีมนำ 2-0

คูซานอฟ : 7/10
- เป็นตัวเลือกที่น่าประหลาดใจในตำแหน่งแบ็กขวา มีจังหวะตื่นเต้นเล็กน้อยในครึ่งแรก แต่ก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้นและเล่นได้อย่างดุดันตลอดทั้งเกม
รูเบน ดิอาส : 7/10
- เป็นเกมดาร์บี้ที่ง่ายดายสำหรับเซ็นเตอร์แบ็ก ไฮไลท์ของเขาคือการตะโกนบอกกวาร์ดิโอลว่าไม่ต้องไปเช็กอาการของมาซราอุย หลังจากที่เขาเพิ่งเบียดคู่แข่งกระเด็นตกสนามไป
ยอสโก กวาร์ดิโอล : 7/10
- เกมแรกของฤดูกาลในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก เป็นช่วงบ่ายที่เงียบสงบ เพราะแนวรุกของยูไนเต็ดแทบไม่ได้ทดสอบเขาเลย
โอไรลีย์ : 7/10
- กลับมาเล่นแบ็กซ้ายอีกครั้ง และแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของเขา เล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่ง และยังขยับเข้ามายืนในตำแหน่งกลางสนามได้อย่างชาญฉลาด
โรดรี : 6/10
- ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก มีจังหวะจ่ายบอลพลาดให้เห็น 2-3 ครั้งในครึ่งแรก แต่ในที่สุดเขาก็จะกลับมาสู่ฟอร์มเดิมได้
ไรจ์นเดอร์ส : 7/10
- แม้จะมีจังหวะจ่ายบอลพลาดไปบ้าง แต่ก็เชื่อมเกมในตำแหน่งหมายเลข 8 ได้ดี และน่าจะมีชื่อเป็นผู้ทำประตูในเกมนี้ด้วยซ้ำ

ฟิล โฟเดน : 8/10
- เล่นด้วยคาแรคเตอร์และความมุ่งมั่น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะกลับไปสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดอีกครั้ง ยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยม และโดดเด่นตลอดทั้งเกมในบทบาทตัวรุกตรงกลาง
แบร์นาร์โด ซิลวา : 7/10
- เริ่มต้นทางฝั่งขวาอย่างน่าประหลาดใจ ทดสอบและปั่นป่วนดอร์กูด้วยการควบคุมบอลที่แนบเท้า และเป็นคนจ่ายบอลเร็วให้ทีมได้ประตูที่สาม
เฌเรมี โดกู : 8/10
- เพิ่งจะบอกว่าต้องการประตูและแอสซิสต์มากขึ้น และเขาก็จัดให้ทันที ด้วยการทำ 2 แอสซิสต์ในเกมนี้ ใช้ความคล่องตัวสร้างประตูแรก และจ่ายบอลอย่างชาญฉลาดในประตูที่สอง
เออร์ลิง ฮาลันด์: 8/10
- เป็นดั่งกำแพงหินยามลงไปช่วยป้องกันลูกตั้งเตะ และเมื่อโอกาสมาถึงในเกมรุก เขาก็เลือดเย็นและเฉียบขาด จริงๆ แล้วเขาน่าจะทำแฮตทริกใส่ยูไนเต็ดได้อีกครั้งด้วยซ้ำ



อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โคตรอาย แมนยู ร่วงอันดับ 15 พรีเมียร์ลีก หลังพ่ายสเปอร์ส อโมริมครวญ งานโคตรยาก
- แย่กว่าเทนฮาก เผยอโมริมทำสถิติเลวร้ายหลังบุกพ่ายวูล์ฟ
- หมดอนาคต? อโมริมเรียกการ์นาโช่คืนทีมฉะไก่ ไร้เงาแรชฟอร์ด
ติดตาม The Thaiger บน Google News: