
“สังคมเงินสดไม่แปลก” วาทะ “หมอบี” ที่อาจไม่รอดสายตาสรรพากร เปิด 4 ช่องทางตามรอยรายได้ แม้ไม่ได้รับเงินโอนผ่านธนาคาร
หลังจากที่ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ได้กล่าวในรายการ “โหนกระแส” ว่าการทำธุรกรรมด้วยเงินสดเป็นเรื่องปกติ ได้เกิดประเด็นน่าสนใจทางกฎหมายภาษีขึ้น โดยข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าแม้จะเป็นการรับเงินสด แต่กรมสรรพากรและ ปปง. ยังคงมีช่องทางในการตรวจสอบได้ถึง 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1) กฎหมายภาษี e-Payment ที่บังคับให้ธนาคารรายงานธุรกรรมที่เข้าเกณฑ์ 2) การหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้ว่าจ้าง 3) การสุ่มตรวจจากกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย และ 4) กฎหมายฟอกเงินที่ให้อำนาจในการตรวจสอบเงินสดจำนวนมากที่น่าสงสัย
“มันเป็นเรื่องปกติ…สังคมเงินสดมันก็ไม่แปลกอะไร” คือ คำชี้แจงของ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” กลางรายการ โหนกระแส หลังจากถูกพิธีกรชื่อดัง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ตั้งคำถามจี้จุด ถึงการทำธุรกรรมที่เป็นเงินสดทั้งหมด ซึ่งแม้คำตอบนี้อาจฟังดูสมเหตุสมผลในมุมมองของเขา แต่ในทางกฎหมายภาษีแล้ว การใช้เงินสดจำนวนมากกลับเป็นประเด็นที่น่าสนใจและอาจถูกตรวจสอบได้เสมอ
ในบทสนทนาที่ตึงเครียด หนุ่ม กรรชัย ได้จี้ถามถึงประเด็นที่หมอบีทำธุรกรรมทุกอย่างเป็นเงินสด ซึ่งหมอบีชี้แจงว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับครอบครัวตนและสังคมเงินสดทั่วไป เมื่อหนุ่ม กรรชัย ซักต่อว่าทำไมคำพูดของหมอบีแต่ละครั้งจึงไม่เหมือนกัน หมอบีตอบว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและความรู้สึกของตนไม่ได้ย้อนแย้ง
พี่หนุ่มจึงได้ยกตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจงถึงการชำระค่าบ้านมูลค่า 30 ล้านบาทให้ผู้รับเหมา ว่าต้องนำเงินสดไปที่ธนาคารเพื่อโอนใช่หรือไม่ หมอบีก็ยังคงยืนยันว่าเป็นเรื่องปกติ และเมื่อถูกถามถึงความกังวลว่าอาจถูกกรมสรรพากรตรวจสอบ เขาก็ตอบเพียงว่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

สรรพากร จะรู้ได้ยังไงว่า “หมอบี” มีรายได้-เส้นเงิน เท่าไหร่?
ท่ามกลางมหากาพย์ดราม่าเรื่องเงินบริจาคที่ยังคงคุกรุ่น คำชี้แจงของหมอบีในประเด็นการรับเงินสด ได้จุดประกายให้สังคมหันมาสนใจถึงกระบวนการตรวจสอบของกรมสรรพากร ว่าจะสามารถติดตามรายได้ที่ไม่ได้ผ่านระบบธนาคารโดยตรงได้อย่างไร ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีช่องทางหลัก ๆ ที่กฎหมายเปิดทางไว้ถึง 4 ช่องทาง
1. กฎหมายภาษี e-Payment
แม้จะบอกว่าเป็นสังคมเงินสด แต่หากบัญชีธนาคารใดก็ตามมีการฝากหรือรับโอนเงินสูงถึง 3,000 ครั้งต่อปี หรือ 400 ครั้งและมียอดรวมเกิน 2,000,000 บาทต่อปี สถาบันการเงินมีหน้าที่ต้องส่งรายงานธุรกรรมดังกล่าวให้กรมสรรพากรตรวจสอบทันที
2. ภาษี ณ ที่จ่าย
ในกรณีที่หมอบีหรือบุคคลใดรับเงินสดเป็นค่าจ้างหรือค่าบริการจากบริษัทหรือภาคธุรกิจ ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหัก ภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งรายงานที่มีชื่อและเลขประจำตัวประชาชนของผู้รับเงินให้แก่กรมสรรพากร ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าเงินไปถึงใคร แม้จะจ่ายเป็นเงินสดก็ตาม
3. การสุ่มตรวจจากโซเชียลมีเดีย
ปัจจุบัน กรมสรรพากรมีหน่วยงานที่คอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ หากพบการไลฟ์สด, การโพสต์โชว์เงิน หรือกิจกรรมทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงรายรับจำนวนมาก แต่ไม่พบข้อมูลการยื่นภาษีที่สอดคล้องกัน ก็สามารถถูกเรียกเข้ามาเพื่อชี้แจงได้
4. กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
แม้จะเป็นเงินสด แต่การถือครองหรือเคลื่อนย้ายเงินสดจำนวนมากอย่างไม่มีที่มาที่ไป อาจเข้าข่ายที่สำนักงาน ปปง. จะเข้ามาตรวจสอบได้ หากมีข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าของเงินมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินนั้นให้ได้

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้การใช้ชีวิตใน “สังคมเงินสด” จะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นจากการตรวจสอบของหน่วยงานภาครัฐได้เสมอไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หมอบี โป๊ะแตก! หนุ่ม กรรชัย โชว์หลักฐาน ใบอนุโมทนา ไม่ตรงสลิปบริจาค
- หมอบี ตอบแล้ว ทำไมไม่โอนเงินเข้าบัญชี หลวงพ่ออลงกต อ้าง ความคล่องตัว
- ย้อนเส้นทางรัก ‘หมอบี’ ยัน มีภรรยาคนเดียว หลังเจอข่าวลือ โลก 4 ใบ
อ้างอิง : PEAK, FLOWACCOUNT, INFLOW, FB/อรรถรส
ติดตาม The Thaiger บน Google News: