เด็ก 6 ขวบพิการ ดับสลด ผู้ช่วยรถโรงเรียนมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ศาลสั่งคุก

สลด เด็กหญิง 6 ขวบ พิการ ถูกสายรัดรถเข็นรัดคอดับอนาถ หลังผู้ช่วยบนรถโรงเรียนมัวนั่งแต่เล่นโทรศัพท์
สำนักข่าวต่างประเทศรานยงาน กรณีสะเทือนใจจากสหรัฐอเมริกา ผู้ช่วยประจำรถโรงเรียนถูกตัดสินจำคุก 3 ปี จากความประมาทเลินเล่อขณะปฏิบัติหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงวัย 6 ขวบซึ่งมีความพิการถึงแก่ชีวิตด้วยการถูกสายรัดรถเข็นรัดคอ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2566 เมื่อเด็กหญิงฟาร์จ วิลเลียมส์ ในวัยเพียง 6 ขวบ ซึ่งป่วยด้วยโรคหายากและมีความพิการ ต้องนั่งรถบัสโรงเรียนเพื่อไปเข้าร่วมกิจกรรมภาคฤดูร้อนในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในแฟรงคลินพาร์ค เขตซัมเมอร์เซ็ตเคาน์ตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
เด็กหญิงฟาร์จป่วยเป็นโรคเอ็มมานูเอล ซินโดรม ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติทางพันธุกรรมแต่กำเนิดที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางร่างกายและสติปัญญา ทำให้เธอไม่สามารถพูดและเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง และจำเป็นต้องใช้รถเข็น
อแมนดา ดาวิลา วัย 28 ปี ผู้ช่วยประจำรถบัสในวันเกิดเหตุ ถูกพบว่ากำลังสวมหูฟังและเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่เบาะด้านหน้าของรถ โดยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิงฟาร์จ ซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็นบริเวณด้านหลังรถ
จากภาพวงจรปิดภายในรถบัส เผยให้เห็นว่า ขณะที่รถบัสแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ สายรัดนิรภัยของรถเข็นได้เลื่อนไปรัดที่บริเวณคอของเด็กหญิงจนแน่นขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เด็กหญิงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

ถึงแม้เด็กหญิงฟาร์จจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยการหายใจลำบาก ใช้เท้าเตะกระจกหน้าต่าง และพยายามโบกมือโบกเท้า แต่ผู้ช่วยที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ไม่ได้สังเกตหรือสนใจที่จะเข้าไปตรวจสอบ
จนกระทั่งรถบัสจอดถึงปลายทาง ผู้ช่วยคนดังกล่าวจึงลุกขึ้นและพบว่าเด็กหญิงฟาร์จหมดสติไปแล้ว แม้จะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ เนื่องจากสมองของเธอขาดออกซิเจนเป็นเวลานานถึง 40 นาที
อัยการเขตซัมเมอร์เซ็ตได้ทำการสอบสวนและพบว่า อแมนดา ดาวิลา ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียนบนรถบัส ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรง โดยเด็กหญิงฟาร์จซึ่งเป็นเด็กพิเศษที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด กลับไม่ได้รับการใส่ใจดูแลอย่างที่ควรจะเป็น
ผลการตรวจสอบทางการแพทย์ระบุว่า เด็กหญิงต้องทนทุกข์ทรมานจากการขาดอากาศหายใจเป็นเวลานานกว่า 10 นาทีก่อนที่จะเสียชีวิตในที่สุด
อัยการได้เน้นย้ำว่า “ความประมาทของเธอเป็นเหตุให้เด็กผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต และเธอต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย”
ในระหว่างการพิจารณาคดี ทนายความของอแมนดาได้พยายามบรรเทาโทษ โดยอ้างว่าจำเลยไม่มีประวัติอาชญากรรม และเป็นมารดาของเด็กวัย 4 ขวบที่เป็นออทิสติกซึ่งต้องการการดูแล อย่างไรก็ตาม อแมนดาได้กล่าวคำขอโทษต่อศาลด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ฉันขอโทษ ฉันขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อคุณแม่และครอบครัวของผู้เสียชีวิต”

แต่ในที่สุด ศาลก็ได้ตัดสินให้อแมนดา ดาวิลามีความผิดจริง และต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี พร้อมทั้งจ่ายเงินชดเชยให้กับกองทุนเหยื่ออาชญากรรมเป็นจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 674,000 บาท) นอกจากนี้ บริษัทรถบัสรับส่งนักเรียนยังได้ทำข้อตกลงกับครอบครัวของเด็กหญิงผู้เสียชีวิต โดยยินยอมจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 168 ล้านบาท)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แคนาดา ขู่แบน Pornhub ต่อต้านนโยบายทรัมป์ จุดชนวนสงครามการค้า
- นักเทนนิสโปแลนด์หัวร้อน หวดบอลใส่เด็กเก็บลูก ทัวร์รุมจวก ไร้น้ำใจนักกีฬา
- สตาร์บัคส์ โดนปรับอ่วม 1.7 พันล้าน ทำเครื่อมดื่มหกใส่ลูกค้า จนต้องปลูกถ่ายเนื้อเยื่ออวัยวะเพศ
อ้างอิง: New York Post