ข่าวดาราบันเทิง

“แพรวพราว” ไลฟ์หมดเปลือก จี้ปมเที่ยวบาร์โฮสต์ ท้าสาบานเรื่องที่ดิน จุกใจร่วมเฟรมศัตรู

แพรวพราว แสงทอง ไลฟ์หมดเปลือก อดีตสามีเที่ยวบาร์โฮสต์ ปล่อยเลี้ยงลูก ท้าสาบานเรื่องที่ดินเป็นของใคตร เจ็บใจร่วมเฟรมศัตรู

นักร้องหมอลำชื่อดัง แพรวพราว แสงทอง ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก พัทธนันท์ ทศรักษา ชี้แจงดราม่าที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับอดีตสามี ‘ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์’ หลังมีประเด็นการโจมตีจากเพจและแฟนคลับทั้งสองฝ่าย จนเกิดการกระทบกระทั่งต่อเนื่อง

แพรวพราวเผยว่า สาเหตุที่ต้องออกมาไลฟ์ครั้งนี้ เพราะเห็นภาพอดีตสามีไปร่วมเฟรม ชนแก้วอย่างสนุกสนานกับเจ้าของเพจที่โจมตีตนอย่างรุนแรงมาตลอดปี เป็นเพจของหญิงชาวไทยที่อาศัยอยู่สวีเดน ซึ่งแพรวพราวยืนยันว่า ภาพที่เห็นทำให้รู้สึกจุกใจมาก เนื่องจากคนในครอบครัวของเธอ ทั้งป้าแจ๋ว ลุงเคน และญาติพี่น้องต่างก็ถูกเพจนี้โจมตีอย่างหนัก แต่กลับไม่มีการปรามจากอดีตสามีแม้แต่น้อย

แพรวพราวกล่าวต่อว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการที่แฟนคลับหรือเพจที่สนับสนุนเธอไปโจมตีอดีตสามี และยืนยันว่าไม่เคยสนับสนุนหรือพูดคุยกับ อ.โลม บูรพา หรือศิลปินนักร้องใดๆ หลังบ้านให้มาปกป้องเธอ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง อยู่ในพื้นที่ของตัวเอง ไม่ก้าวล่วงกัน

นอกจากนี้แพรวพราวได้ชี้แจงถึงประเด็นเรื่อง ‘พุ่มไม้’ ซึ่งเป็นคำที่อดีตสามีมักหยิบขึ้นมาแซะและกล่าวหาว่าเธอมีบุคคลที่ 3 เธอยืนยันชัดเจนว่าไม่เคยทำผิดเช่นนั้น ท้าให้นำหลักฐานออกมาได้เลย

แพรวพราวยังกล่าวถึงพฤติกรรมของอดีตสามีที่เคยไปเที่ยวบาร์โฮสต์และมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้ชายในบาร์ รวมถึงเคยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับผู้ชายในวงดนตรีด้วยกัน ซึ่งหลายคนเห็นแต่ไม่กล้าพูดเพราะสงสารเธอ

“แล้วถ้าฉันพูดเรื่องหน้ารถสิบล้อล่ะ คุณไปทำอะไรกับผู้ชายบาร์โฮสต์ที่จ้างมา แล้วที่คุณไปเที่ยวบาร์โฮสต์หรือเที่ยวผู้ชายจนสว่าง แล้วคุณกระทำอะไรในขณะที่ดื่มมึนเมา แล้วทิ้งฉันเลี้ยงลูกโดยลำพัง”

“แต่บางครั้งที่ฉันออกมาพูดปกป้องเขา อย่างเช่นในเรื่องที่เขาไปเที่ยวบาร์โฮสต์ ไปเที่ยวผู้ชาย ย้อนคลิปที่ฉันออกมาพูดว่า “ผัวฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ถ้าไม่ได้เป็นผู้ชายมันจะมีลูกด้วยกันเหรอ” นั่นคือการปกป้องพ่อของลูกเพื่อสถาบันครอบครัว เพราะฉันปกป้องผัว แต่ ณ ตอนนั้นฉันรู้อยู่แก่ใจว่าเขาทำอะไรกับผู้ชาย ผู้ชายกับผู้ชาย แต่ฉันก็ต้องออกมาปกป้องผัว”

แพรวพราวกล่าวอีกว่า สิ่งที่เธอทำผิดพลาดและยอมรับก็คือการที่เธอมีความรู้สึกดีกับ อ.วุฒิ แต่ก็ย้ำว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่เธอถูกอดีตสามีละเลย ไม่ใส่ใจ ทิ้งให้เธอเลี้ยงลูกสองคนลำพัง ขณะที่เขาเลือกไปเที่ยวบาร์โฮสต์ เธอต้องเลี้ยงลูกน้อยที่ร้องไห้ตลอดคืนคนเดียวจนรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อแท้

“ใครจะว่าฉันชั่วก็ว่าเลย ฉันก็ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ฉันมีความเป็นแม่ แล้วคนที่คอมเมนต์ด่าฉันสนุกปากว่าไม่ควรเป็นแม่ กะxรี่ เห็นคลิปพ่อดูแลลูกอาบน้ำให้ลูกเป่าผมให้ไหม แล้วคุณคิดว่าคนเป็นแม่อย่างฉันไม่ทำเหรอ ฉันบอกเลยนะว่าคำว่าแม่มันสุดๆ ฉันทำหมดทุกอย่างสำหรับลูก แต่ฉันไม่ได้เอากล้องมาตั้งเพื่อที่จะสร้างคอนเทนต์อยู่ตลอดเวลาแค่นั้น ชีวิตฉันทำงานทุกวันนี้มีคอนเทนต์ แต่ไม่ได้คอนเทนต์จ๋าถึงขนาดทำอะไรให้ลูกต้องมีการตั้งกล้องอยู่ตลอดเวลา แล้วทุกคนจะรู้ไหมล่ะว่าหลังกล้องคืออะไร คนที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ไม่เห็นไม่ได้อยู่หลังบ้านเหมือนฉัน ป้าแจ๋ว ลุงเคน ป้าอ้วนรู้เห็นทุกอย่าง

เรื่องมีคนเอาภาพในรถตู้นักดนตรี มีคนนอนอยู่ในรถตู้แล้วมีผ้าคลุมหัว แล้วคุณก็เอาไปตีความว่าบอสไปนั่งรถตู้มือมิกซ์ ฉันสาบานเลยว่ารถตู้นักดนตรีคันนั้นฉันไม่เคยขึ้นไปนั่งเลย ฉันไม่เคยใช้เดินทาง นอกจากก่อนหน้านั้นที่ออกรถคันนี้ใหม่ๆ ขึ้นไปเจิมเพื่อเป็นสิริมงคล แต่รถคันนี้ซื้อมาเพื่อให้ลูกน้องใช้ แล้วจะมีคลิปหนึ่งที่อยู่ในบ้านที่เป็นกล้องวงจรปิดถ่ายลงมาแล้วคนก็เอาไปตีข่าวว่าแพรวพราวเอาผู้ชายนัวเนียในบ้าน คลิปนั้นมันคือฉันกับคุณที่เราหยอกล้อกัน แต่คุณก็ไม่ได้เคยออกมาพูดที่จะปกป้องฉันเลย

ประเด็นต่อไปที่ว่าแพรวพราวไม่มีอะไร ผัวพารวย ได้ผัวคนนี้ถึงรวย ทุกคนฟังนะ ถ้าทุกคนติดตามย้อนดูไทม์ไลน์ชีวิตของแพรว ครอบครัวเราก็ไม่ได้ลำบาก ชีวิตฉันไม่ได้ลำบากลำบนขนาดนั้น ครอบครัวก็มีอยู่มีกินถึงแม้ไม่ได้ร่ำรวย แต่ครอบครัวฉันก็มีธุรกิจทำมาหากิน ทำไร่ทำนา กรีดยาง พ่อทำธุรกิจขายโรงสี แล้วฉันก็มีแบรนด์สินค้าของตัวเองตั้งแต่ก่อนจะรู้จักพ่อของลูก แต่ก็ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่ได้เก่งในเรื่องการไลฟ์สด ทุก ๆ อย่างมันจุนเจือกัน

ตอนที่คุณก้าวเข้ามาในครอบครัวของฉัน พ่อแม่พี่น้อง แม่เทพ พ่อก้าน ป้าแจ๋ว ยาย แม้แต่ครอบครัวของนิลุยทุกคนอ้าแขนโอบกอดคุณในวันที่คุณมาจากเมืองนอก คุณมีเงินแค่ 300,000 กว่าบาท คุณอาจจะเคยมีเงินก่อนหน้านั้นหลักล้าน 2 ล้าน ที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟังคุณบอกว่าตอนอยู่เมืองนอก คุณเคยมีเงิน 2,000,000 คุณมีจริง แต่คุณใช้หมดแล้ว ทุกอย่างคุณเล่าให้ฉันฟัง ไทม์ไลน์ชีวิตของคุณฉันรู้หมด เพราะคุณได้จากใคร จากแฟนคลับ จากผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นชายรักชายที่เขารักคุณและซัพพอร์ตคุณ แต่คุณก้าวเข้ามาในชีวิตฉัน คุณมีเงิน 300,000 กว่าบาท หรือจะย้อนดูสเตทเมนต์ไหม พ.ศ. ไหน ย้อนดูได้ ฉันไม่ได้ดูถูกคุณเลย ทุกคนโอบกอดคุณอ้าแขนต้อนรับคุณตอนที่คุณกลับมาอยู่ไทยและก้าวเข้ามาในครอบครัวของฉัน

รถคันแรกคุณซื้อฟอร์จูนเนอร์ ก่อนซื้อฟอร์จูนเนอร์ เมื่อก่อนคุณยังขับรถไม่เป็น อีแพรว ผู้หญิงคนนี้หัดขับรถให้คุณ เพื่ออะไร รักเขา อยากให้เขาเก่ง อยากให้เขาขับรถเป็น ต่อมาอยากให้เขามีรถ แต่เขามีเงินแค่ไม่กี่แสน แพรวพราวก็ออกรถช่วยเขา 200,000 บาท หรือไม่จริงแย้งมาได้ ฉันดาวน์รถช่วยคุณ 200,000 บาท แต่ ณ ตอนนั้นอายุคุณมันยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่สามารถออกเป็นชื่อคุณได้ ก็เลยออกเป็นชื่อแพรวเพื่อให้น้องดูดีขับรถมาหาพี่ที่ยโสธร โดยที่น้องไม่ต้องนั่งรถประจำทางมา พี่อยากให้น้องดูดีในสายตาครอบครัว ในสายตาคนรอบข้าง ความดีของพี่ยังไม่เคยมีให้หนูเลยเหรอ”

ในเรื่องทรัพย์สิน แพรวพราวชี้แจงเรื่องที่ดินที่อดีตสามีอ้างว่าซื้อจากเธอ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นที่มรดกของแม่เธอ แต่ถูกโอนเป็นชื่ออดีตสามีเพราะความไว้ใจและป้องกันปัญหาภายในครอบครัว เธอท้าให้อดีตสามีมาสาบานร่วมกันหากคิดว่าตัวเองซื้อจริง และพร้อมจะออกจากที่ดินนั้นโดยทันที

ด้านการดูแลลูก เธอเปิดเผยว่าอดีตสามีฟ้องเรื่องลูกที่ศาลเยาวชนยโสธร โดยกำหนดค่าเลี้ยงดูลูกไว้ที่คนละ 10,000 บาทต่อเดือน เธอเคยเสนอให้อดีตสามีช่วยเก็บเงินปีละนิด แต่เขาปฏิเสธ และบอกว่าเรื่องการเงินที่เธอจัดทำประกันเงินออมให้ลูกนั้นเป็นการตัดสินใจของเธอเอง เขาจึงไม่มีหน้าที่ร่วมรับผิดชอบ เธอยืนยันว่าแม้เขาจะไม่ส่งเสีย เธอก็สามารถเลี้ยงดูลูกเองได้

สุดท้าย แพรวพราวขอร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดการโจมตีไปมา และขอให้อดีตสามีคิดถึงลูกที่กำลังโต และรู้สึกละอายแก่ใจบ้างเมื่อมาเจอกัน เธอยืนยันว่าทุกสิ่งที่เธอพูดนั้นมาจากความจริงที่เธอเก็บมานาน และวันนี้เธอขอพูดออกมาในฐานะผู้หญิงและแม่คนหนึ่งที่เจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด

“เราอยู่ด้วยกันแล้วเจริญรุ่งเรืองทำให้ฉันมีแก้วตาดวงใจสองคนคือลูก นาริตะ โตเกียว มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดเสียดายเลยว่าอย่างน้อยฉันก็มีแก้วตาดวงใจสองคนอยู่ตรงนี้ แล้วเรื่องการดูแลบุตร คุณฟ้องที่ศาลเยาวชนยโสธร ฟ้องเรื่องลูกทุกอย่างลงลายลักษณ์อักษรชัดเจน คุณยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกคนละ 10,000 บาทต่อเดือน วันนั้นคุยกันต่อหน้าอัยการศาล ฉันเลยขอว่า อย่างน้อยก็ให้ลูกสักเดือนละ 30,000 คนละ 15,000 ได้ไหม คุณบอกว่าไม่ได้ ฉันจ่ายได้แค่นี้ให้คนละ 10,000 คือเดือนละ 20,000 โอเค ถ้าหลังจากนี้อยากส่งหรือไม่อยากส่ง ฉันเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ลูกได้ ฉันดูแลลูกได้ไม่เป็นไร

แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายลูก เงินเก็บลูกปีละ 200,000 คุยกับคุณว่าเรามาจ่ายช่วยกันไหม เดี๋ยวฉันจะจ่ายให้นาริตะ คุณจ่ายให้โตเกียวปีละ 200,000 เป็นเงินเก็บให้ลูก แต่คุณบอกว่านั่นมันเป็นปัญหาของที่คุณเลือกจะทำประกันเงินเก็บให้ลูก มันไม่เกี่ยวกับเขา ต้องจ่ายเอง ฉันช็อกเลยนะ ตกใจเลยกับคำนี้ที่ว่าฉันตัดสินใจเอง คุณไม่ได้ตัดสินใจด้วย ฉันก็ต้องจ่ายเอง ถ้าฉันจะทำให้ลูกฉันจะทำเอง โอเค ฉันจ่ายให้ลูกปีละ 200,000 เท่ากับปีละ 400,000 ไม่เป็นไร เพราะว่าฉันเป็นคนตัดสินใจทำเอง ฉันจ่ายให้ลูก เขาไม่จ่ายก็ไม่เป็นไร เขาบอกว่าถ้าจะทำให้ลูก จะทำเอง โอเค ทำแล้วเหรอ ถ้าทำก็ดี”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thaiger

The Thaiger นำเสนอข่าวสารล่าสุดและอัปเดตจากทั่วประเทศไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button