เปิดประวัติ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ครูใหญ่ ตชด. เสียสละเพื่อนักเรียน คนร้ายวางระเบิดเสียชีวิต พร้อมลูกชาย
นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งบนด้ามขวานไทย เมื่อเช้าวันที่ 14 มกราคม 2568 คนร้ายลอบวางระเบิดรถกระบะของโรงเรียน ตชด.บ้านตืองอ บนถนนเส้น ศรีสาคร-จะแนะ บ้านไอร์กือเนาะ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 56 ปี ครูใหญ่ รร.ตชด.บ้านตืองอ และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นคุรุทายาทครู ตชด.รุ่น8 รร.ตชด.บ้านตืองอ เสียชีวิต
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยเกอร์ ได้ค้นประวัติของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ จากเว็บไซต์ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จึงขอเรียบเรียงมาเพื่อสดุดี ไว้อาลัยแก่การสูญเสียแม่พิมพ์คนสำคัญของชาติ
ชื่อของ ร.ต.ต.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ หรือที่เด็ก ๆ กับชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ครูวิทย์” ย่อมปรากฏขึ้นอย่างโดดเด่นในฐานะครูผู้เสียสละตนเองเพื่อสานต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กด้อยโอกาสยาวนานเกือบ 20 ปี ด้วยหัวใจที่ยึดมั่น “คนเล็ก ๆ สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้…หากมีโอกาสทางการศึกษา”
ก้าวแรกของ “ครูวิทย์” กับชีวิตครู ตชด.
ชีวิตของ “ครูวิทย์” มีจุดเริ่มต้นในดินแดนสีแดงสมัยยังเด็ก เขาเป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) แห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ทำให้ซึมซับและเข้าใจความยากลำบากของครูที่ตั้งใจทุ่มเทพลิกฟื้นชุมชน แม้ตัวเขาเองในวัยหนุ่มเคยตื่นเต้นกับชีวิตโลดโผน แต่ด้วยหัวใจที่ไม่เคยลืมพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าฯ ทำให้ตัดสินใจทิ้งทางเลือกอื่น ๆ เพื่อสอบบรรจุเป็น ครูคุรุทายาท และตรงดิ่งมุ่งหน้าสู่พื้นที่ทุรกันดารในจังหวัดนราธิวาส—พื้นที่ที่ “ไม่มีใครอยากมา” แต่สำหรับครูวิทย์กลับเป็นโอกาส “เข้าไปทำงานสนองพระราชดำริ” ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
เมื่อต้องสอนในชุมชนชาวไทยมุสลิมท่ามกลางเทือกเขาคีรีบรรพต เด็ก ๆ ไม่เข้าใจภาษาไทย การสื่อสารกลายเป็นความท้าทายสำคัญ ครูวิทย์จึงหาวิธีการเข้าถึงหัวใจพวกเขาด้วยการเรียนรู้ภาษามลายูคำแรก “วาซูเด๊าะ ตูเบ๊ะ ไม๊ลูวา” ที่หมายถึง “รีบทำการบ้านให้เสร็จ จะได้ออกไปเล่นข้างนอก” วิธีง่าย ๆ นี้ช่วยละลายกำแพงระหว่างเขากับเด็ก และปลุกให้เด็กเห็นว่าการเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
เทคนิคสร้างคน จาก “บัตรคำ” ถึง “ธนาคารคุณธรรม”
ปัญหาหนึ่งที่สกัดกั้นการเรียนรู้ของเด็กในพื้นที่ คือ “อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้” ครูวิทย์เลือกใช้ บัตรคำ ให้เด็กพกกลับบ้านเป็นการบ้าน ให้ผู้ปกครองช่วยกันฝึกเขียนตัวอักษร หรือออกเสียงภาษาไทยได้ถูกต้อง ยิ่งพ่อแม่ช่วยลงชื่อกำกับ ก็จะยิ่งได้คะแนนเพิ่ม ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สร้างแรงจูงใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
เมื่อเด็กเริ่มอ่านออกเขียนได้ ครูวิทย์จึงต่อยอดเป็น “ธนาคารคุณธรรม” ให้เด็กเขียนเล่า “ความดี” ที่ได้ทำในแต่ละวัน นอกจากจะเป็นวิธีปลูกฝังคุณธรรมในใจ ยังเป็นการฝึกภาษาไทยผ่านการเขียนอย่างสม่ำเสมอ ทำให้พวกเขามองเห็นว่า “การอ่านออกเขียนได้” คือประตูแรกของการพัฒนาชีวิต
เข้าถึงชุมชน ไม่ใช่แค่ครู แต่คือ “ครอบครัว”
ครูวิทย์ตระหนักดีว่า การพัฒนาการศึกษาต้องไปพร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จึงอาสาประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาหนุนเสริม ต่อยอดหลักเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของชาวบ้านที่มองว่าการเรียนหนังสือ “ไม่จำเป็น” ไปสู่การเล็งเห็นประโยชน์ของความรู้ในการยกระดับคุณภาพชีวิต
นอกจากนั้น เขายังควักเงินเดือนตัวเองจัดกิจกรรม “รับขวัญน้อง” ซื้อของให้เด็กแรกเกิดในชุมชน และพา “แม่บ้าน” ไปเปิดโลกกว้างถึงบ้านของตัวเองในพัทลุง เมื่อผู้คนในชุมชนได้เห็นว่าครูวิทย์ให้ความรักและความจริงใจไม่ต่างจากสมาชิกครอบครัว พวกเขาจึงเปิดใจรับโรงเรียนและการเรียนรู้มากขึ้น เด็กนักเรียนจึงเพิ่มจากหลักสิบเป็นหลักร้อยในเวลาไม่นาน
ครูวิทย์บนเส้นทางเสี่ยงภัย “จะปล่อยให้เทียนดับไม่ได้”
ท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครูวิทย์ไม่เคยย้ายออกไปไหน เขาถือว่าถ้า “ครู” ละทิ้งพื้นที่ แล้ว “ใคร” จะอยู่สร้างอนาคตให้เด็ก ๆ เสียงระเบิดและควันปืนไม่เคยทำให้กำลังใจเขาเสื่อมถอย เพราะยึดมั่นว่า “แสงเทียนริบหรี่ดีกว่าความมืดมน” อย่างน้อยยังช่วยเป็นที่พึ่งให้ผู้คนไม่หลงทาง
ความมุ่งมั่นของครูวิทย์ยังส่งต่อถึงลูกชายทั้งสอง ซึ่งสมัครใจเป็น “คุรุทายาท” ทำหน้าที่ครูตำรวจตระเวนชายแดนในพื้นที่เสี่ยงเช่นเดียวกับพ่อ “ชีวิตเราอาจไม่โดดเด่นนัก แต่เราภูมิใจที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้ และสานต่อพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงในดินแดนด้ามขวาน” คือคำกล่าวของลูกชายคนที่สอง ซึ่งสอนในโรงเรียนเดียวกับพ่อ ช่วยส่องแสงเทียนแห่งการศึกษาเพิ่มขึ้นอีกสองดวง
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เกียรติยศบนเส้นทางสร้างคน พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์
ความทุ่มเทของร.ต.ต.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ ส่งให้เขาได้รับการเสนอชื่อและผ่านการพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับรางวัล “ครูยิ่งคุณ” ประจำปี 2558 จากมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยกย่องครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็ก ๆ
ทุกวันนี้ แม้กระแสควันปืนจะไม่อาจเลือนหายได้ง่าย ๆ แต่ “ครูวิทย์” ยังคงจุดเทียนเล่มน้อยไปต่ออย่างไม่ย่อท้อ ด้วยความเชื่อมั่นว่า “ชีวิตเราไม่ได้มีค่าอะไรมากมายในสังคมที่รุ่งเรือง แต่เราภูมิใจที่ได้ใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่ยากไร้ด้อยโอกาส และงานของพระองค์ท่านฯ ใครจะทำ ถ้าเราไม่อยู่” นี่คือภารกิจที่เปี่ยมด้วยหัวใจของครูตชด.ผู้เป็นดั่งเสาหลักให้กับการศึกษาของเด็กด้อยโอกาสในดินแดนปลายด้ามขวาน และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังได้มองเห็นว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมา “เพื่อสร้าง” ได้…หากมีหัวใจที่พร้อมจะมอบแสงเทียนแห่งความหวังให้ผู้อื่นเสมอ
อ้างอิงจาก: มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คนร้ายลอบบึ้ม ซอยใกล้โรงพักปัตตานี เจ้าหน้าที่ อส. บาดเจ็บ 6 นาย
- โจรบุกปล้นบ้าน อินฟลูฯ ฮ่องกง กวาดเครื่องเพชร 433 ล้านบาท
- อินฟลูฝรั่งโดนขโมยของกลางห้าง ตำรวจตามจับถึงห้องพัก จบหักมุม โจรไม่ใช่คนไทย
ข่าวล่าสุด
