เช็กรายละเอียด เงินสมทบประกันสังคมมาตรา 33-39-40 ประจำเดือนมีนาคม 2567 จ่ายเท่าไหร่ สรุปรายละเอียดสำหรับผู้ประกันตนเตรียมจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในอัตราใหม่
สำนักงานประกันสังคม ชี้แจงรายละเอียดการปรับเพดานเงินสมทบประกันสังคม 2567 โดยผู้ประกันตน 3 ประเภท ได้แก่ พนักงานเอกชนทั่วไป (มาตรา 33), เคยเป็นพนักงานแต่ลาออก (มาตรา 39) และอาชีพอิสระ/แรงงานนอกระบบ (มาตรา 40) ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคม งวดเดือนมีนาคม 2567 เป็นจำนวนเงิน ดังนี้
เงินสมทบประกันสังคม มีนาคม 2567 จ่ายกี่บาท
1. ผู้ประกันตนมาตรา 33
พนักงานประจำ ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ต้องจ่ายเงินสมทบประกันสังคมในเดือนมีนาคม 2567 เป็นจำนวน 5% ของรายได้ต่อเดือน คิดจากฐานค่าจ้างต่ำสุด 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
นายจ้างและลูกจ้าง จ่ายฝ่ายละ 5% หากใครมีเงินเดือน 15,000 บาทขึ้นไป ต้องจ่ายเงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน
เมื่อรวมเงินสมทบประกันสังคมที่จ่ายทั้งหมดตลอด 12 เดือน ผู้ที่มีเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบรวมทั้งหมด 9,000 บาท
ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมได้กำหนดค่าจ้างขั้นสูงไว้สำหรับคำนวณเงินสมทบทุนประกันสังคมของผู้ประกันตน ม.33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 และกำหนดให้ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบสูงสุดที่ 750 บาทต่อเดือน
การจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ม. 33 ปัจจุบัน
- เงินเดือน 5,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 250 บาท
- เงินเดือน 10,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 500 บาท
- เงินเดือน 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 750 บาท
- เงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท จ่ายเงินสมทบ 750 บาท
2. ผู้ประกันตนมาตรา 39
ผู้ประกันตนประเภทเคยเป็นพนักงานแต่ลาออก หรือเคยอยู่ในมาตรา 33 ส่งเงินสมทบประกันสังคม 2567 มาตรา 39 เป็นจำนวน 432 บาท เมื่อรวมจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนมาตรา 39 นำส่งประกันสังคมตลอดปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น 5,184 บาท
3. ผู้ประกันตนมาตรา 40
อาชีพอิสระหรือแรงงานนอกระบบในมาตรา 40 สามารถเลือกจ่ายเงินสมทบต่อเดือนได้ 3 กรณี เมื่อจ่ายครบ 12 เดือนจะมียอดเงินสมทบรวมแตกต่างกัน ดังนี้
ทางเลือกที่ 1
- จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ในอัตรา 70 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 840 บาท
ทางเลือกที่ 2
- จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย และกรณีชราภาพ ในอัตรา 100 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 1,200 บาท
ทางเลือกที่ 3
- จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร ในอัตรา 300 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายครบ 12 เดือน เท่ากับว่าในปี 2566 ได้จ่ายเงินสมทบไปทั้งหมด 3,600 บาท
อ้างอิงข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม