ลูกสาว ฟ้องตำรวจทางหลวง และ กู้ภัย หลังปล่อยศพพ่อไว้ในรถ 12 ชม.
ทนายรณณรงค์ ควงลูกสาวผู้ตาย เข้า ฟ้องตำรวจทางหลวง และ กู้ภัย หลังปล่อยศพพ่อไว้ในรถ 12 ชม. เผยไม่มีหน่วยงานเข้ามาแสดงความรับผิดชอบ
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พา น.ส.จิตรชญา อรรถพร พร้อมด้วยลูกสาวของผู้เสียชีวิญในเหตุรถคว่ำชลบุรี และถูกทิ้งศพไว้ในรถนาน 12 ชั่วโมง ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.กิตติธัช เทียนแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. ให้ดำเนินคดีฟ้องตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ในข้อหา กระทำการประมาทเลินเล่อ ไม่ตรวจสอบผู้บาดเจ็บให้ถี่ถ้วน จนอาจเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่รถเสียชีวิตได้ หลังจากที่ร่างผู้ตายถูกทิ้งไว้ในรถที่ประสบอุบัติเหตุนานนับสิบชั่วโมง
ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่อยากให้ตำรวจชลบุรีทำคดี เพราะหากนายภัทรชัยยังไม่เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จะไปขยับรถได้อย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความประมาทเลินเล่อ ขณะที่ผลชันสูตรบอกสาเหตุการตาย แต่ตอบไม่ได้ว่าเสียชีวิตก่อนหรือหลังประสบอุบัติเหตุ และแพทย์ไม่ได้ยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตตามที่ตำรวจระบุว่าเป็นการเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุจริงหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ตำรวจต้องไปหาวิธีตรวจสอบ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยติดต่อมาว่าจะรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพงานศพเท่านั้น
พร้อมกล่าวต่ออีกว่า วันนี้จึงมาแจ้งความกับตำรวจทางหลวงและกู้ภัย ในข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพราะเหตุเกิดจากความมักง่าย จะต้องถูกดำเนินคดี ขณะที่กระทรวงคมนาคม ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของกรมทางหลวงกต้องรับผิดชอบด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าคดีนี้ ยังไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญา ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานรัฐ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ขณะที่ น.ส.จิตรชญา ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดติดต่อเข้ามาแสดงความรับผิดชอบถึงเรื่องนี้ เพียงแต่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานศพและขอแสดงความเสียใจเท่านั้น รู้สึกติดใจที่เหตุใดที่หาพ่อตนเองไม่พบตั้งแต่ในที่เกิดเหตุ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ค้นหาให้ถี่ถ้วน และตำรวจระบุ
คาดว่าจะเสียชีวิตคาที่ แต่พอดูสภาพศพก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นตามนั้นจริงหรือไม่ อยากให้กรณีนี้เป็นคดีตัวอย่างว่า ให้เจ้าหน้าที่ค้นหาคนเจ็บอย่างละเอียด ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีก หากพ่อไม่เสียชีวิตในตอนนั้น คงต้องทรมานมากทั้งจากความร้อนและหายใจไม่ออก และต้องการให้มีผู้ที่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดเหตุ