ข่าวข่าวต่างประเทศ

รวบจนท.สนามบินสาว ขโมยเงินผู้โดยสาร 1 หมื่นบาท ก่อนกลืนลงคอซ่อนหลักฐาน

รวบจนท.สนามบินสาว ขโมยเงินสดจากกระเป๋าผู้โดยสารจีน 1 หมื่นบาท กลัวถูกจับได้รีบกลืนลงคอทำลายหลักฐาน วงจรปิดจับภาพชัด เห็นแล้วอึ้ง

วันที่ 20 กันยายน 2566 CNN Philippines รายงานข่าวเหตุการณ์ ณ สนามบินฟิลิปปินส์ ขณะเจ้าหน้าที่หญิงในสนามบินหยิบของบางอย่างเข้าปากอย่างรวดเร็ว โดยเธอพยายามเคี้ยวสิ่งนั้นอยู่สักพัก กระทั่งใช้นิ้วพยายามดันจนกลืนลงไปได้ ก่อนจะดื่มน้ำตามอึกใหญ่

สำนักงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งตรวจสอบพบว่าก้อนกระดาษชิ้นใหญ่ที่กลืนลงไปเป็นเงินสดประมาณ 10,800 บาท ของผู้โดยสารชาวจีน ขณะที่เธอหันหน้าเข้าหากล้องวงจรปิดโดยไม่ทันระวัง

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสังเกต เธอรู้วิธีการตรวจสอบของสนามบินดีหากมีใครกระทำความผิดหรือขโมยสิ่งของจะถูกตรวจสอบร่างกายภายนอกอย่างละเอียด ทำให้เธอเลือกใช้วิธีที่เสี่ยงแต่มั่นใจว่าจะไม่มีใครจับได้แน่นอน สุดท้ายหน้าตามีหูประตูมีช่อง กล้องวงจรปิดเก็บภาพหลักฐานได้ทั้งหมดจึงถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายเจมี เบาติสตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของฟิลิปปินส์ส่งจดหมายให้เอาผิดและกำหนดโทษต่อเจ้าหน้าที่หญิงของสนามบินนานาชาตินินอย อากีโน (NAIA) รวมถึงแสดงความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่คัดกรองความปลอดภัยจะกระทำการขัดต่อหน้าที่อย่างร้ายแรงขนาดนี้

องค์กรผู้มีส่วนรับผิดชอบหลักอย่างสำนักงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่ง ท่าอากาศยานนานาชาติมะนิลา และสำนักงานรักษาความปลอดภัยการบินตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์จึงรีบดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดขั้นสูงสุดเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนที่คิดจะทำพฤติการณ์แบบเดียวกันและทำให้ประเทศเสื่อมเสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สนามบินหญิงถูกกล่าวหาว่าขโมยจากผู้โดยสารชาวจีนที่สนามบินนานาชาตินินอย อากีโน อาคาร 1 หลังจากผู้โดยสารสังเกตเห็น เธอกลัวถูกจับได้จึงหาวิธีที่เร็วและคิดว่าปลอดภัยจากการตรวจสอบที่สุด

Peangaor

นักเขียนประจำ Thaiger จบการศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มศว เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมาชี้แจงแตกประเด็นในรูปแบบย่อยง่ายเหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง รวมถึงเรื่อง Pop culture ซีรีส์ อาหาร และเทรนด์แฟชั่นที่กำลังอินเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ preme@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button