‘ศรีสุวรรณ’ ยื่น กกต. กดดันทั้งคณะบริหาร ‘ก้าวไกล’ ลาออก ปมว่าที่ ส.ส. เมาแล้วขับ
ศรีสุวรรณ จรรยา บุก กกต. เพื่อยื่นคำร้องพิจารณามีคำสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ กรณี ส.ส. เมาแล้วขับ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ส่งหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อขอให้แจ้งหรือสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเกิดกรณีสมาชิกพรรคก้าวไกล น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับที่ 27 โดนตำรวจจับเมาแล้วขับ โดยวัดค่าแอลกอฮอล์ได้ 66 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สูงกว่ากฎหมายกำหนด (50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมอย่างมากมาย และต่อมาพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญามีนบุรีได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญามีนบุรี ตามความผิดฐานขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่นอันเป็นความผิดตาม พรบ.จราจรทางบก 2522 พรบ.รถยนต์ 2522 โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือนและปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษ มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติจำเลยโดยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือนภายในเวลา 1 ปีกับให้จำเลยทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 12 ชั่วโมงและมีคำสั่งให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถของจำเลยเป็นเวลา 6 เดือนแล้วนั้น
กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเย่อหย่อนต่อการปฏิบัติตาม ม.22 แห่งพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 อย่างชัดแจ้ง ที่บัญญัติไว้ว่าให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลมิให้สมาชิกกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ฝ่าฝืนกฎหมายขึ้นมาคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลจะต้องมีมติหรือสั่งการให้สมาชิกยุติการกระทำนั้นโดยพลัน และต้องกำหนดมาตรการหรือวิธีการที่จำเป็นเพื่อมิให้สมาชิกพรรคก้าวไกลผู้ใดกระทำการอันมีลักษณะดังกล่าวอีก และต้องรีบแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 7 วันด้วย
นอกจากนั้น การกระทำของน.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ยังเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคก้าวไกล ปี 2563 ข้อ 25 (2) และ (6) โดยชัดแจ้ง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลกลับยังนิ่งเฉยไม่ดำเนินการลงโทษสมาชิกรายดังกล่าวโดยพลันแต่อย่างใด จะอ้างว่าศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษแล้วมิได้ เพราะเป็นคนละส่วนกัน อันชี้ให้เห็นถึงการไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามข้อ 39 (10) ของข้อบังคับพรรคก้าวไกลแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องร้องเรียนไปยังนายทะเบียนพรรคการเมืองเพื่อสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลปฏิบัติให้เป็นไปตาม ม.22 ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 ประกอบข้อบังคับพรรคก้าวไกลปี 2563 โดยพลัน หากพรรคก้าวไกลยังเพิกเฉย ให้นายทะเบียนนำความเสนอคณะกรรมการ กกต. เพื่อพิจารณามีคำสั่งให้คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด