เปิด 3 ข้อ กองทัพภาค 2 ย้ำชัด “กัมพูชา” ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมาย IHL
กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยเหตุการณ์ที่ กัมพูชากระทำผิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมาย กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ “IHL” อัปเดตเหตุปะทะต่อเนื่องแนวชายแดน กระทบ 400,000 ราย พบมีประชาชนเสียชีวิตรวมถึงตอนนี้แล้ว 23 ราย
วันที่ 20 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยเหตุการณ์ที่ กัมพูชากระทำผิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายไอเอชแอล (IHL)หรือ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ดังนี้
1) ใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งทางการทหาร
2) ใช้พลเรือนทำการยิงหมายเอาชีวิต ประกอบเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดในที่ตั้งทางการทหารที่อยู่ในโบราณสถาน(ปราสาทตาควาย)
3) นำพลเรือนมาอยู่ในพื้นที่การรบ อย่างไม่แยกแยะและใช้ปฏิบัติการทางทหาร ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนกล การบรรจุวัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน รวมทั้งการประกอบอาหารให้กับทหารในพื้นที่การรบ


ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกขอประณามการกระทำของ “ฝ่ายกัมพูชา” ที่ใช้กำลังทางทหารและอาวุธโจมตีเข้ามาในพื้นที่ในพื้นที่ชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่พลเรือนและมิใช่พื้นที่ทางทหาร
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดหลักการคุ้มครองพลเรือนตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและบรรทัดฐานตามหลักสากลอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก รวมถึงการใช้กำลังในลักษณะดังกล่าว ได้สร้างความสูญเสียและความเดือดร้อนแก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างกว้างขวาง ทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ต้องดำรงชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัวและความไม่มั่นคง อันเป็นผลจากการใช้กำลังที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบด้านมนุษยธรรมและความปลอดภัยของพลเรือน
สถานการณ์ความไม่สงบและการใช้กำลังทางทหารบริเวณแนวชายแดน ซึ่งยังคงมีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนไทยเป็นวงกว้าง มีประชาชนได้รับผลกระทบรวมประมาณ 400,000 ราย จากสถานการณ์ดังกล่าว พบว่ามีประชาชนเสียชีวิตรวม 23 ราย
แบ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากกรณีอาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ตกในพื้นที่บ้านเรือนของประชาชนโดยตรง จำนวน 1 ราย และผู้เสียชีวิตจากผลกระทบทางอ้อมของเหตุการณ์ จำนวน 22 ราย นอกจากนี้ ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีดังกล่าวอีก 6 ราย ซึ่งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดล้วนเป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบแต่อย่างใด
นอกจากความสูญเสียต่อชีวิตของประชาชนแล้ว การกระทำดังกล่าวยังสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 30 หลัง พื้นที่ทำการเกษตรซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถประกอบอาชีพหรือดำรงชีวิตได้ตามปกติ
นอกจากนี้ พบว่ามีโรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 201 แห่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาลพนมดงรักที่ได้รับผลกระทบจากอาวุธจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โดยตรง ขณะเดียวกัน ความไม่ปลอดภัยที่เกิดขึ้นยังส่งผลให้สถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่ชายแดนต้องหยุดการเรียนการสอน
เด็กและเยาวชนไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ตามปกติ ขาดโอกาสทางการศึกษา และต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความหวาดกลัว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงในการดำรงชีพของประชาชนในระยะยาว
ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบกระบุว่า การมุ่งเป้าโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นการใช้กำลังในลักษณะไม่เลือกเป้าหมายซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อชีวิตประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ประชาชนคนไทยไม่ควรต้องตกเป็นเป้าหมายหรือได้รับผลกระทบจากการกระทำทางทหารในลักษณะดังกล่าวกองทัพบกขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในทันทีพร้อมทั้งปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด.

อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กองทัพ พร้อมส่ง อินทรีย์ทอง T-50TH ร่วมภารกิจ รีวิวที่ชายแดนเขมรที่แรก
- บัวขาว งง! เจอเขมรปั่นข่าว มอบกระสุนให้กองทัพและข้อมูลลับทหารสยาม
- กัมพูชาอ้าง หมาทหารไทย บุกกัดทหารแนวหน้า ยิงทิ้งหวั่นติดเชื้อพิษสุนัขบ้า
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





