วิกฤตศรัทธา กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ ปม “นรกสแกมเมอร์กัมพูชา” สถิติลักพาตัวพุ่ง 330 ชีวิต

เมื่อรัฐล้มเหลวในการปกป้องพลเมือง วิกฤตศรัทธากระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้ ปมนรกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กัมพูชา ผู้รอดชีวิตเล่าเจอให้ใช้ “Google Translate”
สังคมเกาหลีใต้กำลังลุกเป็นไฟด้วยความโกรธแค้นต่อความนิ่งเฉยของรัฐบาล ขณะที่พลเมืองของตนต้องเผชิญกับอันตรายที่เพิ่มสูงขึ้นจากองค์กรอาชญากรรมในประเทศกัมพูชา โลกอินเทอร์เน็ตในขณะนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสยดสยองจากผู้รอดชีวิต ที่เสี่ยงชีวิตหลบหนีออกมาจากสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ขุมนรก” ภายใต้เงื้อมมือของแก๊งอาชญากรจีนในกัมพูชา
หนึ่งในผู้รอดชีวิตได้เล่าถึงวินาทีที่เขาโทรศัพท์ไปยังสถานทูตเกาหลีใต้ในกรุงพนมเปญด้วยความหวาดกลัว แต่แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือในทันที เจ้าหน้าที่สถานทูตนิรนามคนหนึ่งกลับบอกให้เขา “ไปติดต่อตำรวจกัมพูชาด้วยตัวเอง” และเมื่อเขาอธิบายว่าพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็ตอบกลับมาอย่างน่าเหลือเชื่อว่า “ให้ใช้ Google Translate สิ”
นี่คือภาพสะท้อนของความรู้สึกเจ็บปวดและสิ้นหวังที่ครอบครัวของผู้สูญหายคนอื่นๆ ต้องเผชิญ พวกเขาทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า: “รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ได้อยู่ที่นั่น ในยามที่พลเมืองของตนต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด”

คุณเสียสติไปแล้วหรือ? เสียงกึกก้องในรัฐสภา
ความล้มเหลวครั้งนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในรัฐสภา เมื่อ โช ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถูกซักฟอกอย่างหนัก
“คุณเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ในกัมพูชาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ส.ส. ซง ออน-ซอก จากพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ถาม
“เมื่อเร็วๆ นี้” รัฐมนตรีโชตอบ และเมื่อถูกกดดันให้ระบุวันที่ที่แน่ชัด เขาก็ตอบว่า “สัปดาห์ที่แล้ว”
คำตอบดังกล่าวทำให้ ส.ส. ซง ถึงกับตอกกลับไปอย่างดุเดือดว่า “คุณต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ! เห็นได้ชัดว่าคุณไม่เคยใส่ใจในความปลอดภัยของพลเมืองเกาหลีเลย”

สองมาตรฐาน? ชีวิตของคนธรรมดากับเสียงของคนทรงอิทธิพล
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ข้อกล่าวหาเรื่อง “2 มาตรฐาน” ในการให้ความช่วยเหลือ เมื่อพลเมืองธรรมดาที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายโทรไปขอความช่วยเหลือ คำตอบที่ได้คือความเฉยเมย แต่เมื่อ ส.ส. พัค ชัน-แด แห่งพรรคประชาธิปไตยซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของประธานาธิบดี ได้โทรไปแจ้งเรื่องและร้องขอให้มีการแทรกแซง กระทรวงการต่างประเทศกลับระดมทรัพยากรอย่างรวดเร็วจนนำไปสู่การช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ
การปฏิบัติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนี้ ได้บ่อนทำลายความไว้วางใจของประชาชน และจุดประกายคำถามถึงหลักการพื้นฐานของภารกิจทางการทูต ว่ากระทรวงฯ ได้ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องพลเมืองของตนเองหรือไม่

วิกฤตที่ถูกเพิกเฉย
ขนาดของปัญหานั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง ในปี 2023 มีรายงานชาวเกาหลีถูกลักพาตัวในกัมพูชาราว 30 คน ตัวเลขนี้พุ่งสูงขึ้นเป็น 220 คนในปี 2024 และเพียงแค่ถึงเดือนสิงหาคมปีนี้ ตัวเลขก็ทะยานไปถึง 330 คนแล้ว
แม้จะมีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนเช่นนี้ แต่กระทรวงการต่างประเทศกลับล้มเหลวที่จะยกระดับปัญหานี้ให้เป็นวาระสำคัญ ไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ และไม่มีการวางแผนรับมืออย่างเป็นระบบ
การปกป้องพลเมืองในต่างแดนคือภารกิจหลักของกระทรวงการต่างประเทศ และถึงแม้ว่าสถานทูตจะมีข้อจำกัดภายใต้อธิปไตยของประเทศเจ้าบ้าน แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างของความนิ่งเฉย รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนี้ และต้องกดดันให้กัมพูชาดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรรมระหว่างชาติเหล่านี้ให้สิ้นซาก.
ที่มา : Koreatimes
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เกาหลีใต้ แฉกลลวงใหม่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์กัมพูชา ส่ง SMS ล่าเหยื่อทันทีที่เหยียบสนามบิน
- สถานทูตเกาหลี โต้กระแสข่าวส่งทหารปราบสแกมเมอร์ ย้ำปกป้อง ปชช.
- ของขึ้น! กลางโหนกระแส ซัดเดือดกลุ่มนักสิทธิฯ กันจอมพลัง ถามรู้ไหมสะเก็ดทะลุแก้มพ่อ เจาะกะโหลกลูก 8 ขวบ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: