เจ๊อ้อย หวิดรับลูก “ทนายตั้ม” เป็นบุตรบุญธรรม อ้างนักการเมืองระดับสูง เกี่ยวข้องปม 71 ล้าน
สนธิปล่อยหมัดฮุก เผยคลิป เจ๊อ้อย แฉ ทนายตั้ม ปมเงินลงทุน 71 ล้านบาท ชี้ถูกลากไปรู้จักนักการเมืองระดับบิ๊กเพียบ ก่อนถูกจับเซ็นสัญญาเขียนแอปฯ “นาคี”
ต่อเนื่อง EP.2-3 “เจ๊อ้อย” แจ้งความเอาผิด ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด ข้อหาฉ้อโกง หลังให้เงินลงทุนหวยออนไลน์ 71 ล้านบาท แต่กลับดำเนินงานไม่สำเร็จตามเวลาต่อ พอทวงถามก็เรื่องเงียบ กระทั่งวานนี้ (28 ต.ค.) เพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ เผยวิดีโอสัมภาษณ์เจ๊อ้อยถึงความสัมพันธ์และปมขัดแย้งแบบเชิงลึกใน EP.1
เจ๊อ้อยเล่าว่า ตนรู้จักทนายตั้มจากคดีหวยครูปรีชาและเป็นแฟนคลับ จึงให้เลขาติดต่อไปเพื่อจ้างมาดูแลข้อกฎหมายต่าง ๆ เป็นแบบเซ็นสัญญาเดือนละ 300,000 บาท ก่อนจะมีการยกเลิกและเปลี่ยนเป็นจ้างตามเคสแทน ฯลฯ รวมถึงปมแตกหักแรกเริ่มที่เจ๊อ้อยเอะใจที่ทนายตั้มเอารถเบนซ์ที่ตนฝากซื้อไปให้คนอื่นขับ แต่พอทวงถามกลับมีปัญหาจุกจิก
อีกทั้งระหว่างนั้นทนายตั้มยังมักบินมาหาตนที่ฝรั่งเศสด้วยตั๋วชั้น Business Class, พักโรงแรมหรูอยู่สบายด้วยเงินเจ๊อ้อยเอง แถมยังพาครอบครัวลูกเมียมาอยู่ด้วยกันอีกด้วย
กระทั่งเวลา 19.00 น. ในวันเดียวกัน สนธิจัดเต็มปล่อย EP.2 ที่เจ๊อ้อยกล่าวว่าทนายตั้มเคยขอให้รับเลี้ยงดูลูกตัวเองเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากลูกเจ้าตัวไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศฝรั่งเศสเพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ (ตามข้อกฎหมายฝรั่งเศส) แต่โชคดีที่ลูกชายคนเล็กของตนที่อยู่เยอรมันห้ามเอาไว้เพราะตัวเองใจดีเกือบรับมา
รวมถึงมีประเด็นว่าทนายตั้มเคยขอให้เจ๊อ้อยเป็นประธานมูลนิธิที่เขาใหญ่ แต่ให้โอนเงินเข้าบัญชีเจ้าตัวอย่างเดียว ทว่าเจ๊อ้อยจะไม่มีสิทธิอะไรทั้งสิ้นในมูลนิธินอกจากโอนเงินอย่างเดียว
ต่อมาใน EP.3 เจ๊อ้อยเล่าต่อว่า ตนเองได้โอนเงินให้ทนายตั้มจำนวนกว่า 71 ล้านบาท เนื่องจากทนายตั้มมาเสนอให้ตนเองลงทุนในแอปลอตเตอรี่ออนไลน์ และโน้มน้าวว่ามีแต่กำไรแน่นอน โดยอ้างว่าผู้ใหญ่บอกมา (มีการอ้างชื่อ นักการเมืองท่านหนึงในสาธารณสุข) จากนั้นตนจะเข้าไปเสี่ยงเอง และพยายามพาเจ๊อ้อยไปเจอนักการเมืองหลายคน ที่โรงแรมฮ่องกง และพากันไปกินข้าว เมื่อช่วงปี 66 ทำให้ตอนนั้นสนิทกัน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว
ส่วนประเด็นลอตเตอรีดังกล่าวเจ๊อ้อย ระบุว่าทนายตั้มที่อ้างว่านาย (ไม่ระบุว่าใคร) ต้องการให้ตนเสียบแทนที่ แต่จำเป็นต้องมีเงิน 71 ล้านบาท แถมมีการพูดชื่อนักการเมืองใหญ่อีกครั้งว่าทนายตั้มเป็นคนต่อสายวิดีโอคอลหาให้พูดคุย หลังสนธิถามว่านักการเมืองคนนั้นจะเป็นผู้อนุมัติโครงการหรือไม่อีกด้วย แต่เจ๊อ้อยตอนนั้นรู้สึกไม่กล้าคุย-มองหน้าด้วย
ด้านผลประโยชน์ก็แบ่งกันลงตัว หักเปอร์เซ็นต์ขึ้นเงิน 2% แต่ตนก็ไม่เคยเห็นโปรแกรมคำนวณ ทั้งที่มีการเบิกเงินไปก่อนเช่นเดียวกับเคสซื้อที่ดินอื่น ๆ ขณะที่เงิน 71 ล้านบาทเป็นฝ่ายของเจ๊อ้อยเสนอถามก่อนว่าทนายตั้มต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งเจ้าตัวก็เสนอตามจำนวนข้างต้นก่อนโอนไปให้ตามดีล
ขณะที่ประเด็นเซ็นสัญญาทำแอปพลิเคชันหวยออนไลน์ “นาคี” เป็นการเซ็นในภายหลังที่มีคนจากสำนักงานกฎหมายทนายตั้ม (ทนายน้ำ, คนขับรถ) ไปให้เจ๊อ้อยเซ็นที่บ้านที่ชีวา ด้านสนธิจึงกล่าวต่อว่าการโอนเงินล่วงหน้า 20 ล้านบาทนั้น เจ๊อ้อยไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไร ซึ่งคนที่เขียนแอปฯ นาคี เสนอขายให้ทนายตั้มแค่ 20 ล้าน ทว่าเจ๊อ้อยรู้แค่ว่าตนโอนไปให้ทั้งหมด 71 ล้านบาท แถมมีการให้ตนไปพูดที่สำนักงานฯ ทนายว่าเงินที่ตนกินหรูหราอยู่สบายก็มาจากตน โดยไม่ได้มีการเตี๊ยมกันมาก่อนแต่อย่างใด รวมถึงมีการให้ตำรวจมายกกระเป๋าให้-บริการต่าง ๆ นา ๆ จนเจ๊อ้อยไม่สบายใจขอจัดการตัวเองอีกด้วย
ก่อนจบ EP.3 พี่น้อย (เลขาเจ๊อ้อย) ระบุว่าทนายอั้มกล่าวอ้างว่าโปรเจกต์ดังกล่าวว่าเป็นเหมือนสัมปทาน ไม่ใช่ใครเข้ามาทำก็ได้ เพราะผู้ใหญ่รักและเอ็นดูผมมาก (ทนายตั้ม) ซึ่งถ้าตนไม่ได้เงิน 71 ล้านบาทตนต้องเสียผู้ใหญ่แน่ ๆ เพราะพูดกับผู้ใหญ่เอาไว้แล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง