ยานยนต์ไลฟ์สไตล์

แนะนำ 10 เทคนิค แก้ปัญหาขับรถช่วงหน้าฝน เดินทางปลอดภัยในเวลาเร่งด่วน

แนะนำ 10 เทคนิคการขับรถในช่วงฤดฝน ป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน ถึงที่หมายทุกเส้นทางแม้เจอฝนตกหนัก

ช่วงหน้าฝนแบบนี้ นอกจากรถจะติดมากกว่าปกติแล้ว ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากขึ้นด้วย เนื่องจากถนนเปียก ลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นก็ไม่ค่อยดี การใช้รถใช้ถนนจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ยิ่งช่วงเวลาเร่งด่วน มักเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายโดยเฉพาะการขับรถฝ่าฝน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะมาแนะนำเทคนิคและข้อควรระวังขณะขับรถตอนฝนตกง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนในช่วงเวลาเดินทางกลับบ้านหรือไปทำงาน ดังนี้

Advertisements

1. เจอน้ำขัง ห้ามเหยียบ

น้ำที่ท่วมขังบนพื้นถนน หากเราเหยียบด้วยความเร็วสูง จะทำให้เกิดอาการรถ “เหินน้ำ” หรือ ไฮโดรเพลน (Hydroplane) เป็นอาการที่มีน้ำมาคั่นกลางระหว่างพื้นผิวสัมผัสของยางกับถนน จากการรีดน้ำไม่ทันของร่องยาง สิ่งนี้จะทำให้รถแฉลบ จนไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้

น้ำที่ท่วมขังบนพื้นถนน หากเราเหยียบด้วยความเร็วสูง จะทำให้เกิดอาการ "เหินน้ำ" เป็นอาการที่มีน้ำมาคั่นกลางระหว่างพื้นผิวสัมผัสของยางกับถนน จากการรีดน้ำไม่ทันของร่องยาง สิ่งนี้จะทำให้รถแฉลบ จนไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้

2. ฝนตกใหม่ ๆ ถนนจะลื่นที่สุด

หากขับรถบนพื้นผิวเปียกน้ำ ถนนไหนก็ลื่นหมด แต่ช่วงเวลาที่ถนนลื่นที่สุด คือช่วง 10-15 นาทีแรกหลังฝนตก เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างคราบน้ำมันและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ทำให้เกิดเป็นเสมือนแผ่นฟิล์มอยู่บนผิวถนน ซึ่งอาจส่งผลให้รถลื่นและเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ

3. การรักษาระยะห่างรถคันหน้า

น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนจะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่น ดังนั้น เราจึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อทำให้ระยะเบรกของเรา สามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ขณะที่เรากำลังขับรถฝ่าฝน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ที่สำคัญไม่ควรเบรกอย่างกะทันหัน
เพราะอาจเกิดการลื่นไถลของรถและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนจะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่น ดังนั้น เราจึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อทำให้ระยะเบรกของเรา สามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ขณะที่เรากำลังขับรถฝ่าฝน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ที่สำคัญไม่ควรเบรกอย่างกะทันหัน เพราะอาจเกิดการลื่นไถลของรถและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

Advertisements

4. เปิดไฟหน้ารถทุกครั้งที่ฝนตก

การเปิดไฟหน้ารถขณะฝนตกในเวลากลางวัน ไม่ใช่เพื่อให้เราเห็นทางข้างหน้าได้ดีขึ้น แต่เพื่อให้รถรอบข้างเห็นเราได้ชัดเจนต่างหาก และหากฝนตกหนัก เราสามารถเปิดไฟตัดหมอกหน้า หรือหลังได้ และควรปิดทุกครั้งหากสถานการณ์ดีขึ้น

5. เปิดไฟหน้าหรี่หรือไฟต่ำ

ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง ควรเปิดไฟหน้าในระดับที่พอดีหรือไฟต่ำ เพื่อไม่ให้แสงไฟแยงตารถที่ขับสวนทางมา จนทำให้สายตาคนขับพร่ามัว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

การเปิดไฟหน้ารถขณะฝนตกในเวลากลางวัน ไม่ใช่เพื่อให้เราเห็นทางข้างหน้าได้ดีขึ้น แต่เพื่อให้รถรอบข้างเห็นเราได้ชัดเจนต่างหาก และหากฝนตกหนัก เราสามารถเปิดไฟตัดหมอกหน้า หรือหลังได้ และควรปิดทุกครั้งหากสถานการณ์ดีขึ้น

6. ไม่ควรเปิดใช้ไฟฉุกเฉิน

ใครที่คิดว่า ฝนตกหนักต้องเปิดไฟฉุกเฉิน ต้องเปลี่ยนความคิดนี้ทันที เพราะผู้ขับส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า มีโทษมากกว่าประโยชน์ นอกจากจะทำให้ผู้อื่นตาลายแล้ว ยังทำให้ผู้ที่ขับตามมาแยกไม่ออกว่า จอดเสีย หรือวิ่งอยู่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ

7. เปิดที่ปัดน้ำฝนตามสภาพฝน

ในขณะที่ฝนตก ควรเปิดที่ปัดน้ำฝนแล้วปรับระดับความเร็วของใบปัดให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา เพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัย หากฝนตกปรอย ๆ หรือไม่หนักมาก เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้ง แต่หากฝนตกหนัก อาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเส้นทาง

ในขณะที่ฝนตก ควรเปิดที่ปัดน้ำฝนแล้วปรับระดับความเร็วของใบปัดให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา เพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัย หากฝนตกปรอย ๆ หรือไม่หนักมาก เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้ง แต่หากฝนตกหนัก อาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเส้นทาง

8. การป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกรถ

การเกิดฝ้าที่กระจกรถ สาเหตุหนึ่งที่กวนใจขณะขับรถอยู่เสมอ เพราะฝ้ากระจกจะบดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ซึ่งมักจะเกิดขึ้น เมื่ออุณหภูมิรถเย็นจัด ยิ่งช่วงฤดูฝน การขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกรถได้ง่ายกว่าปกติ วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดฝ้า คือ ควรลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง ใช้ผ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น
การปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน ปรับทิศทางแอร์ไม่ให้หันไปโดนที่กระจกรถ

การเกิดฝ้าที่กระจกรถ สาเหตุหนึ่งที่กวนใจเรา ขณะขับรถอยู่เสมอ เพราะฝ้ากระจกจะบดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ซึ่งมักจะเกิดขึ้น เมื่ออุณหภูมิรถเย็นจัด ยิ่งช่วงฤดูฝน การขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกรถได้ง่ายกว่าปกติ วิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดฝ้า คือ ควรลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง ใช้ผ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น การปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน ปรับทิศทางแอร์ไม่ให้หันไปโดนที่กระจกรถ

9. ถ้าจำเป็นต้องขับลุยน้ำควรปิดแอร์

หากต้องขับลุยพื้นที่น้ำท่วมขัง ควรจะปิดแอร์และใช้เกียร์ต่ำ ( เกียร์ L หรือ เกียร์ 1 ) เพื่อไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไป ไม่งั้นน้ำอาจจะย้อนเข้าท่อไอเสียได้

10. ขับลุยต่อไม่ไหวให้หาที่จอดพัก

หากฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะ 10 เมตรได้ชัดเจน หรือประเมินระดับความลึกของน้ำที่ท่วมขัง โดยสังเกตจากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาทข้างทาง แนะนำให้หาที่จอดรถและรอจนฝนเบาลง ค่อยเดินทางต่อเพื่อความปลอดภัย

หากฝนตกหนักมากจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะ 10 เมตรได้ชัดเจน หรือประเมินระดับความลึกของน้ำที่ท่วมขัง โดยสังเกตจากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาทข้างทาง แนะนำให้หาที่จอดรถและรอจนฝนเบาลง ค่อยเดินทางต่อเพื่อความปลอดภัย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

somkiar

นักเขียนสายรีวิว ดีกรีแอดมินเพจ ชอบเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร เนิร์ดหนังและซีรีส์ตัวพ่อ เอนจอยการถ่ายรูปและงานนิทรรศการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button