เงื่อนงำเพียบ คดียิงจ่าพั้นช์ แฉ 2 ตำรวจ หุ้นส่วนผับหัวหิน จี้เปิดวงจรปิด-กลับเจอไม่มีภาพ
ตามกันต่อกับคดียิงทหารเสียชีวิตกลางผับในอำเภอหัวหิจ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรณี “เซ็น สามพระยา” ผู้ต้องหาซึ่งมีตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ก่อเหตุยิง “จ่าพั้นช์” ทหารยศจ่าสิบเอก เสียชีวิตในสถานบันเทิงที่หัวหิน ตอนตี 4 ก่อนเข้ามอบตัวและได้ประกันตัวออกมา ซึ่งสถานบันเทิงดังกล่าวห่างจากโรงพัก สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 500 เมตร
หลังเกิดเหตุ มีพลเมืองดีถ่ายคลิปวิดีโอได้ว่ามีชายปริศนาปีนขึ้นไปถอดกล้องวงจรปิด โดยมีตำรวจยืนสังเกตการอยู่บริเวณนั้น แต่เมื่อครอบครัวผู้เสียชีวิตไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่ให้คำตอบว่ากล้องวงจรปิดเสีย
ขณะที่ล่าสุด ตำรวจปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านของ “เซ็น สามพระยา” ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พบอาวุธปืนจำนวน 3 กระบอก เป็นปืนพกสั้นบีบีกัน 1 กระบอก , ปืนกลยาว BB gun 1 กระบอกและลูกซองกึ่งอัตโนมัติ 1 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุนตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานและขอตรวจสอบเรื่องการขออนุญาตครอบครอง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของการควานหาเบาะแสเพื่อใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดยังคงพบข้อสงสัยจากสังคม โดยหลังจาก รายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของหนึ่งในคนใกล้ชิดของเซ็น สามพระยา หรือ “นายจักรกฤษณ์” ซึ่งเล่าถึงตัวของนายเซ็น ก่อนหน้านี้เป็นนักธุรกิจหนุ่มอายุน้อย ฐานะดี ร่ำรวย ทำธุรกิจรับจำนองที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรถมือสอง รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่คนมีอิทธิพลในพื้นที่หัวหิน , ประจวบฯ อีกทั้งยังเคยบริจาคเงินสนับสนุนโรงพักหัวหินจำนวนไม่น้อยด้วย ต่อมาได้เป็นชุดคณะกรรมการปรึกษาคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ หรือ กต.ตร. ของหัวหิน เป็นมาได้ประมาณ 1 ปี แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นทำหน้าที่อะไรในฐานะ กต.ตร. เลย
คนใกล้ชิดบอกอีกว่า ครั้งหนึ่ง “เซ็น” เคยไปทะเลาะกับคนอื่น แล้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายจนบาดเจ็บ แต่ใช้เงินเคลียร์จนเรื่องเงียบไป ส่วนคดีล่าสุดแหล่งข่าวรายนี้ก็เชื่อว่าถ้าไม่เป็นข่าวดังก็มีสิทธิหลุดคดีได้ เพราะว่าเซ็นสนิทกับเจ้าของผับ ซึ่งมีตำรวจเป็นหุ้นส่วน ซึ่งเปิดมาประมาณ 2-3 ปี ก่อนหน้านี้ใช้ชื่ออื่น และผ่านการเปลี่ยนเจ้าของมาแล้วหลายครั้ง โดยให้บุคคทั่วไปเป็นคนดูแลกิจาร แต่กลุ่มผู้ถือหุ้นจริง ๆ มี 4 คน เป็นคนมีสี เป็นตำรวจในพื้นที่ 2 คน แล้วก็ยังปฏิบัติหน้าที่ระดับรองผู้กำกับด้วย ส่วนหุ้นส่วนที่เป็นพลเรือน 2 คน หนึ่งในนั้นก็คือนายเซ็น
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่บุคคลใกล้ชิดอ้างว่ามีตำรวจในพื้นที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงนั้น ด้าน พ.ต.อ.กิตติเทพ ชมภูนุช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีนี้ ยืนยันหุ้นส่วนของ “ผับ TINY” ไม่ได้เป็นตำรวจ แต่เป็นไปได้ว่าอาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะส่วนมากทุก ๆ ร้านอยากจะสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้สอบปากคำไปแล้ว 13 ปาก สำหรับคลิปกล้องวงจรปิดที่ปรากฎในภาพก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหินเอง ซึ่งพนักงานสอบสวนร้อยเวรได้สั่งให้ผู้ดูแลขึ้นไปเก็บเมมโมรี่ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน ปราฎว่ากล้องวงจรปิดใช้ระบบคลาวด์ซิงก์กับมือถือเจ้าของร้าน ตัวระบบคลาวด์เพิ่งทำการติดตั้งจึงไม่มีภาพหรือข้อมูลอะไรในเมมโมรี่ แต่ทางตำรวจได้ำเนินคดีส่งฟ้องศาลเรียบร้อยแล้ว ข้อหาจำหน่ายสุราเกินเวลาโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ.
อ่านข่าวเพิ่มเติม