เทคโนโลยี

เทียบสเปค รีวิว Apple AirPods & AirPods Pro ยังน่าซื้อไหม ซื้อรุ่นไหนเหมาะกว่า

เทียบสเปค รีวิว Apple AirPods & AirPods Pro หูฟังไร้สายเพื่อชีวิตไม่พันกัน ยังน่าซื้อไหมในปี 2021 แล้วซื้อรุ่นไหนถึงจะเหมาะกับการใช้งาน อ่านเลย

น่าจะเป็นอุปกรณ์ไร้สายที่คุ้นตากันจนลืมไปแล้วว่ามันเคยใหม่ นั่นก็คือหูฟังไร้สายจาก Apple นั่นเอง เปลี่ยนชีวิตการใช้งานหูฟังอย่างแรง ไม่ต้องมีโมเมนต์นั่งแกะสายหูฟังที่พันกันจนวุ่น หรือเผลอลากคอมลากโทรศัพท์มือถือไปกับสายหูฟังอีกต่อไป แต่ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ยังชั่งใจ ของเก่าก็ยังไม่พัง ของใหม่ก็รอจนมันเกือบจะไม่ใหม่แล้ว เพราะมีข่าวลือมาว่า Airpods 3 อาจจะเปิดตัวปลายปี 2021 นี้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เรามาย้อนวันวาน เทียบสเปค รีวิว Apple AirPods & AirPods Pro เผื่อใครที่ลังเลยอยากจะเป็นเจ้าของ หลังจากอ่านจบคุณอาจจะตัดสินใจได้ว่าจะรอต่อหรือเอาเลย

Advertisements

ก่อนอื่นเรามาดูความสามารถแบบเรียงตัวของ AirPods ทั้ง 2 รุ่นกันก่อนแล้วหลังจากนั้นเราค่อยไปสืบหาความต่างของแต่ละตัว เพื่อช่วยในการตัดสินใจของคุณว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด

Apple AirPods

  • ขนาด (สูงxกว้างxหนา): 40.5 มิลลิเมตร x 16.5 มิลลิเมตร x 18 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 4 กรัม
  • ขนาดเคส (สูงxกว้างxหนา): 53.5 มิลลิเมตร x 44.3 มิลลิเมตร x 21.3 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักเคส: 40 กรัม, 38 กรัม (เคสชาร์จไร้สาย)
  • ชิป: ชิปหูฟัง H1
  • เคสชาร์จ: ชาร์จผ่านช่องต่อ Lightning หรือเครื่องชาร์จที่ผ่านมาตรฐาน Qi
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0
  • แบตเตอรี่
    • ชาร์จพร้อมเคสชาร์จ ฟังได้นานถึง 24 ชั่วโมง สนทนาได้นานสุด 18 ชั่วโมง
    • ชาร์จหนึ่งครั้ง ฟังได้นานสุด 5 ชั่วโมง สนทนาได้นานสุด 3 ชั่วโมง
    • ใส่เคสชาร์จ 15 นาที ฟังได้นานสุด 3 ชั่วโมง สนทนาได้นานสุด 2 ชั่วโมง
  • การควบคุม: แตะ 2 ครั้งเพื่อเล่น ข้ามไปข้างหน้า หรือรับสายโทรศัพท์

Apple AirPods Pro

  • ขนาด (สูงxกว้างxหนา): 30.9 มิลลิเมตร x 21.8 มิลลิเมตร x 24 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 5.4 กรัม
  • ขนาดเคส (สูงxกว้างxหนา): 45.2 มิลลิเมตร x 60.6 มิลลิเมตร x 21.7 มิลลิเมตร
  • น้ำหนักเคส: 45.6 กรัม
  • ชิป: System in Package ใช้ชิพ H1
  • เคสชาร์จ: ชาร์จผ่านช่องต่อ Lightning หรือเครื่องชาร์จที่ผ่านมาตรฐาน Qi
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0
  • แบตเตอรี่
    • ชาร์จพร้อมเคสชาร์จ ฟังได้นานถึง 24 ชั่วโมง สนทนาได้นานสุด 18 ชั่วโมง
    • ชาร์จหนึ่งครั้ง ฟังได้นานสุด 5 ชั่วโมง (เมื่อปิดการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟและโหมดการฟังเสียงภายนอก หากเปิดสามารถฟังได้ 4.5 ชั่วโมง) สนทนาได้นานสุด 3.5 ชั่วโมง
    • ใส่เคสชาร์จ 5 นาที ฟังได้นานสุด 1 ชั่วโมง สนทนาได้นานสุด 1 ชั่วโมง
  • ความทนทาน: IPX4 ทนเหงื่อและน้ำ
  • การควบคุม
    • บีบหนึ่งครั้งเพื่อเล่น หยุดพัก หรือรับสายโทรศัพท์
    • บีบสองครั้งเพื่อข้ามไปข้างหน้า
    • บีบสามครั้งเพื่อข้ามไปข้างหลัง
    • บีบค้างไว้เพื่อสลับระหว่างการตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟและโหมดฟังเสียงภายนอก
Apple Airpods & Airpods Pro เพียงหยิบออกก็เชื่อมต่อทันที
ภาพจาก: apple.com

ดีไซน์ Apple AirPods & AirPods Pro ต่าง ประสิทธิภาพก็ต่าง

ความแตกต่างประการแรกที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือดีไซน์ของตัว AirPods และ Apple AirPods Pro ส่งผลให้เคสก็มีรูปร่างที่ต่างกัน

AirPods หูฟังจะมีความเรียว เหมือนหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรที่เราคุ้นเคยกัน เพียงแต่ไม่มีสายระโยงระยางแล้ว เหมือนเสื้อผ้าแบบฟรีไซส์ที่มีขนาดเดียว ใช้ได้ทั่วหน้า เคสจะมีขนาดเล็กและหน้าแคบ

ในขณะที่ AirPods Pro จะเป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่มีความป้อมมากกว่า มีจุกซิลิโคนมาให้ถึง 3 ขนาด เพื่อให้ผู้ใช้เลือกขนาดที่กระชับแน่นติดหูมากที่สุด คนที่ไม่ชอบหูฟังอินเอียร์ก็อาจจะรู้สึกเหมือนมีอะไรยัดอยู่ในหูมากกว่าปกติ แต่ถ้าใช้งานจนชินแล้วมันจะช่วยให้คุณอยู่ในโลกของคุณได้ดีกว่า AirPods ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด

Airpods Pro มีจุกซิลิโคนหลายขนาด
ภาพจาก: apple.com

ไซส์ต่างเพราะข้างใน Apple AirPods & AirPods Pro ต่าง

การทำงานของทั้ง AirPods และ AirPods Pro ต่างก็ขับเคลื่อนด้วยชิป H1 ทั้งคู่ แต่ AirPods Pro จะมีการทำงานแบบ System in Package จึงมีโหมดการทำงานที่หลากหลายกว่ารุ่นธรรมดา ทนทานเหงื่อและน้ำมากกว่า ในขณะที่รุ่นธรรมดาไม่ได้กล่าวถึงในส่วนนี้

Advertisements

จ่ายแพงกว่าได้เทคโนโลยีมากกว่า

AirPods รุ่นที่ 2 เป็นเพียงหูฟังไร้สาย การใช้งานนอกนั้นไม่มีอะไรที่แปลกใหม่หรืออำนวยความสะดวกได้เท่ารุ่น Pro แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณภาพจะไม่ดี เพราะสามารถฟัง สนทนา ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ตามแบบมาตรฐานสินค้าจาก Apple เพียงแต่ไม่ได้มีความว้าวเพิ่มเข้ามา แต่ก็ซื้อเวลาได้เยอะแล้วเพราะนอกจากไม่ต้องคอยนั่งเคลียร์สายหูฟังแล้ว เพียงแค่คุณหยิบ AirPods ใส่หูมันก็จะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือของคุณทันที และเมื่อเก็บเข้าเคสมันก็จะชาร์จทันทีเช่นกัน

ในขณะที่รุ่นโปรนั้นนอกจากจะทำได้ทุกอย่างเหมือน AirPods แล้ว ยังมีเทคโนโลยีที่สามารถสลับโหมดการใช้งานได้ง่าย ๆ เพียงแค่บีบ

  • Active Noise Cancelling เพื่อตัดเสียงรบกวนภายนอก คุณจึงดื่มด่ำกับความบันเทิงได้แบบไม่มีอะไรมากวน
  • โหมดฟังเสียงภายนอก เปิดให้เสียงรอบตัวคุณเข้ามาได้ เมื่อคุณต้องการเช็กว่านั่งรถถึงสถานีหรือยัง หรือเมื่อมีคนเข้ามาสนทนาด้วย
Apple Airpods & Airpods Pro Active Noise Cancelling
ภาพจาก: apple.com

สรุป Apple AirPods & AirPods Pro ซื้อรุ่นไหนดี

ถ้าคุณอยากลองเริ่มต้นชีวิตไร้สายแบบไม่ได้คาดหวังเยอะ ต้องการใช้งานประจำวัน ฟังเพลงระหว่างนั่งรถไปทำงาน ชมภาพยนตร์อยู่ในบ้าน สนทนาในรถส่วนตัวหรือสถานที่ที่ไม่อึกทึกมาก AirPods รุ่นที่ 2 ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจแล้ว แต่หากงบถึงและรู้สึกว่าไหน ๆ จะต้องจ่ายแล้วก็ขอให้ได้ของดีไปเลย ไม่ซีเรียสถ้าจะต้องใส่หูฟังอินเอียร์ซึ่งอุดเต็มหู ใช้ฟังเพลงเวลาออกกำลังกาย ต้องการใส่หูฟังแล้วไม่ถูกเสียงภายนอกรบกวน คำตอบขอบคุณก็น่าจะเป็น AirPods Pro

แต่ทั้งนี้ถ้าหากคุณยังไม่รีบร้อน จะรอรุ่นต่อไปก็ไม่เสียหาย เพราะมีข่าวลือจากต่างประเทศว่า Airpods รุ่นที่ 3 อาจจะมีรูปร่างคล้ายกับ AirPods Pro มากขึ้น แต่ถ้ากลัวว่าถ้าเปลี่ยนรูปทรงจริง อนาคต AirPods รุ่นที่ 2 อาจจะกลายเป็นแรร์ไอเทมขึ้นมา ก็จัดได้เลยตามชอบ

หูฟังไร้สาย
ภาพจาก: apple.com

ราคา

ราคาวางจำหน่ายของ Apple AirPods และ Apple AirPods Pro ในประเทศไทย มีราคาแตกต่างกันดังนี้

  • AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จ ราคาเริ่มต้นที่ 5,684 บาท / AirPods 2 พร้อมเคสชาร์จแบบไร้สาย ราคาเริ่มต้นที่ 7,151 บาท
  • AirPods Pro ราคาเริ่มต้นที่ 8,992 บาท

โดยสามารถเช็กรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Apple Thailand

ช่องทางซื้อออนไลน์ Apple AirPods และ Apple AirPods Pro

สนใจสั่งซื้อออนไลน์ คลิกที่นี่

อ้างอิงจาก: apple.com cnet.com

Thaiger deals

Lalita C.

นักเขียนคอนเทนต์ SEO แห่งทีมไทยเกอร์ไทย คลุกคลีกับการเขียนตั้งแต่สมัยเรียน ชอบการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ติดตามข่าวสารจากโลกออนไลน์ นำมาสรุป เล่าเรื่องให้เข้าใจง่าย ผ่านมุมมองน่าสนใจที่คนมักจะมองข้าม ทั้งข่าวบันเทิง บทความ งานเขียนแนวไลฟ์สไตล์ รวมถึงทุกอย่างที่อยากให้นักอ่านได้รู้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button