เจาะประเด็น แผนการเล่น สเปอร์ส ดับ อาร์เซน่อล
เจาะประเด็น แผนการเล่น สเปอร์ส ดับ อาร์เซน่อล
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ภายใต้การคุมทีม โชเซ่ มูรินโญ่ โชว์ความแข็งแกร่งและพัฒนาการของทีมอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ ทำให้กลายเป็นอีก 1 ทีมที่ขึ้นมามีลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว หลังจากที่พวกเขาเปิดบ้านจัดการดับ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา สองประตูจากการประสานงานของ แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึน-มิน ทำให้ตอนนี้ “ไก่เดือยทอง” กลับมายึดจ่าฝูงลีกได้อีกครั้ง พร้อมกับสถิติไร้พ่าย 10 แมตช์ติดต่อกัน แถมยังไม่เสียประตูในเกมลีก 4 แมตช์ติดต่อกันด้วย ดังนั้นต้องยอมรับว่า “เฮียมู” เข้ามาเปลี่ยนแปลง สเปอร์ส กลายเป็นทีมที่เกมรุกคม เกมรับเหนียวแน่น ไปแล้ว วีนนี้เราจะไป เจาะประเด็น แผนการเล่น ที่ สเปอร์ส ดับ อาร์เซน่อล กันครับ
1. เคน-ซน คู่หูถล่มประตู
ตอนนี้คงไม่มีคู่หูกองหน้าคู่ไหนที่ร้อนแรงเท่ากับ แฮร์รี่ เคน กับ ซน ฮึน-มิน โดยทั้งสองคนช่วยกันทั้งยิงทั้งจ่ายในแมตช์นี้ และกำลังที่จะทาบสถิติคู่หูถล่มประตูของ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด อดีตลูกทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ สมัยอยู่กับ เชลซี
เคน ส่งบอลให้ หัวหอกทีมชาติเกาหลีใต้ ได้ลากบอลไปที่บริเวณกรอบเขตโทษก่อนจะปั่นงามหยดชดช้อยเข้าประตูให้ “ไก่เดือยทอง” ขึ้นนำ 1-0 จากนั้น ซน ก็ส่งบอลถวายพานให้ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ตะบันเต็มข้อล่อเต็มแข้งบริเวณระยะ 6-7 หลา เช็ดคานเข้าไปอย่างสุดยอด
ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนทำสถิติการยิงและจ่ายระหว่างกันไปแล้ว 31 ประตู โดยใกล้สถิติประสานร่วมงานกันสูงสุดตลอดกาลในศึก พรีเมียร์ลีก ของ ดร็อกบา และ “แลมพ์ส” (ปัจจุบันเป็นนายใหญ่ เชลซี) และจากเกมที่ต้องลงเล่นอีกหลายแมตช์ งานนี้มีความเป็นไปได้สูงที่สถิติดังกล่าวจะโดนทำลายได้
2. แท็กติกเฮียมูเชื่อขนมกินได้
เครื่องหมายการค้าของ มูรินโญ่ ก็คือการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น และแมตช์นี้ “เฮียมู” แสดงให้เห็นแล้วว่าแท็กติกแบบนี้ของเขายังไม่ล้าสมัย ที่สำคัญยังเหมาะอย่างยิ่งกับทีมที่มีเกมรุกดี แต่ขาดประสิทธิภาพในการจบสกอร์อย่าง อาร์เซน่อล
จะเห็นได้ชัดว่าทีมของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า ครองเกมได้เหนือกว่า ในขณะที่ สเปอร์ส เน้นการเล่นตามแท็กติกที่ มูรินโญ่ สั่งอย่างเคร่งครัด และรอคอยจังหวะความผิดพลาดของคู่แข่ง รวมทั้งการเล่นจังหวะสวนกลับที่เฉียบคม ซึ่งนำไปสู่สองประตูที่พวกเขาได้มาตั้งแต่ครึ่งแรก
ในขณะที่ครึ่งหลัง นายใหญ่ชาวโปรตุกีส วางแท็กติกที่่ล่อให้ อาร์เซน่อล เปิดเกมบุกอย่างเต็มที่ ส่วน สเปอร์ส ทำหน้าที่คอยรอจังหวะสวนกลับก็เพียงพอ เพราะด้วยสกอร์ที่นำตั้งแต่ครึ่งแรก พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดเกมบุกให้ต้องสุ่มเสี่ยงต่อการเสียประตู
สถิติเก็บคลีนชีต 4 เกมติดต่อกันในลีก และไม่แพ้ใครเลย 10 เกมติดต่อกัน เป็นเครื่องหมายการันตีว่าสไตล์แบบมูรินโญ่ยังคงน่ากลัวเสมอ
3. แนวรุกอาร์เซน่อลไร้ประสิทธิภาพ
ตอนนี้ อาร์เตต้า คงอยู่ในสถานการณ์เก้าอี้ร้อนระอุหลังจากที่นำ อาร์เซน่อล แพ้ 5 จาก 6 เกมลีกหลังสุด ทำให้สโมสรหล่นไปอยู่อันดับ 15 ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอันดับที่อันตรายมากๆ ต่อความอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี
หนึ่งในสิ่งที่ “เดอะ กันเนอร์ส” สมควรโดนตำหนิอย่างยิ่งก็คือเกมบุกของพวกเขาที่ขาดประสิทธิภาพอย่างชัดเจน เพราะทีมสามารถครองเกมได้เหนือกว่าเจ้าบ้าน แต่พวกเขากลับไม่สามารถเปลี่ยนความได้เปรียบต้องจุดนี้ให้กลายเป็นจังหวะอันตรายได้เลย
ที่น่าเป็นห่วงมากๆ คงจะเป็นฟอร์มการเล่นของ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ที่ไม่ได้แสดงน่ากลัวอะไรเลย เช่นเดียวกับ อเลซองด์ ลากาแซตต์ เพราะทั้งสองคนขาดทั้งความเฉียบคม และไร้ประสิทธิภาพในการกดดันเกมรับของ “ไก่เดือยทอง”
ในส่วนของแดนกลางทั้ง โธมัส ปาร์เตย์ , กรานิต ชาก้า, บูคาโย่ ซาก้า และ วิลเลี่ยน แม้ช่วยกันกดดันแผงมิดฟิลด์ สเปอร์ส ได้ดี แต่ไม่สามารถเปิดบอลเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับทีม ที่สำคัญพวกเขายังต้องเสีย ปาร์เตย์ ไปในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งจุดนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อทีมในอนาคตด้วย
4. ฟอร์มได้บ้านสุดแข็งแกร่ง
ต้องบอกเลยว่าแฟนบอล 2,000 คนที่เข้ามาในสนามท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม ในเกมนี้ต้องยิ้มอย่างมีความสุข เพราะนอกจากจะได้กลับมาเชียร์ทีมรักในสนามแล้ว ยังได้เห็นฟอร์มที่สุดยอดแถมยังจัดการดับซ่าคู่อริร่วมถิ่นนอร์ทลอนดอนซะด้วย
หนึ่งในเรื่องที่โดดเด่นมากๆ ของ สเปอร์ส ก็คือผลงานในบ้านของพวกเขา โดยตอนนี้ทีมไม่แพ้ในการปะทะกับคู่อริตลอดกาลมาแล้ว 7 เกมลีกหลังสุด ส่วนสถิติก่อนหน้านี้ “ไก่เดือยทอง” เคยไร้พ่ายในการสู้กับ อาร์เซน่อล 9 เกมติดต่อกันในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 1960-เดือนมกราคม 1968
ส่วนสาวก “เดอะ กันเนอร์ส” คงต้องเฝ้ารอคอยที่จะได้แสดงความสะใจในบ้านของ สเปอร์ส ต่อไป เพราะครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้เฮสนั่นที่สนามไวท์ ฮาร์ท เลน (บ้านเก่า สเปอร์ส) ต้องย้อนไปเดือนมีนาคม 2014 จากประตูชัยของ โทมัส โรซิคกี้
5. เคน เดินหน้ายิงไม่เลี้ยง
แฮร์รี่ เคน ในตอนนี้ไม่ใช่แค่กองหน้าที่ทำหน้าที่ระเบิดตาข่ายคู่แข่งเท่านั้น แต่เขาพัฒนาขึ้นมาเพราะตอนนี้เจ้าตัวยังมีสถิติในการทำแอสซิสต์ที่น่าเหลือเชื่อซะด้วย ฉะนั้นต้องยอมรับหากจะบอกว่า เคน เป็นดาวยิงที่ครบเครื่องอย่างแท้จริงในเวลานี้
จังหวะที่ส่งบอลให้ “อาซน” ซัดประตูทำให้ เคน แอสซิสต์ไปแล้ว 10 ครั้งจาก 11 เกมลีกในฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่มีนักเตะคนไหนที่สามารถทำได้ 10 แอสซิสต์จากการลงเล่นในช่วงต้นซีซั่นแบบนี้ ฉะนั้นหนึ่งในคนที่ต้องได้รับเครดิตนี้ก็คือ มูรินโญ่ ที่เปลี่ยน เคน ให้เป็นนักเตะที่ครบเครื่อง
นอกจากนี้ประตูที่ เคน ตะบันใส่ อาร์เซน่อล ยังเป็นประตูที่ 250 ของเขาในอาชีพพ่อค้าแข้งทั้งกับการเล่นให้สโมสร และทีมชาติ โดยมีทั้งยิงให้ สเปอร์ส 202 ประตู, อังกฤษ 32 ประตู, มิลล์วอลล์ 9 ประตู, เลย์ตัน โอเรนท์ 5 ประตู และ เลสเตอร์ ซิตี้ 2 ประตู ที่สำคัญเขายังตะบันตาข่ายในถิ่น สเปอร์ส ไปแล้ว 100 ประตูจากการแข่งขันทุกรายการ