ข่าวกีฬาซีเกมส์

ไขสงสัย Tokyogurl โกง RoV ซีเกมส์ ติดคุกหรือไม่? เปิดข้อกฎหมายโทษทางอาญา

กางตำรากฎหมาย ล้มกีฬา-พ.ร.บ.คอมฯ ชี้ช่องทางเอาผิดทางอาญาเป็นเรื่องยาก หากไร้หลักฐานการจ้างวานหรือรับสินบน ย้ำกรณีนี้ยังเป็นเพียง “โทษทางวินัยกีฬา” ที่รุนแรงถึงขั้นหมดอนาคต

กรณีของ “Tokyogurl” หรือ นางสาวณภัทร วราสินธ์ อดีตนักกีฬา RoV ทีมชาติไทย ที่ถูกจับได้ว่ากระทำผิดกติกาจนถูกตัดสิทธิ์จากซีเกมส์และโดนต้นสังกัดแบนตลอดชีวิต คำถามสำคัญที่ตามมาคือ “การโกง” ในระดับมหกรรมกีฬานานาชาติเช่นนี้ จะมีบทลงโทษทางกฎหมายถึงขั้น “ติดคุก” หรือไม่?

อ่าน พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คำตอบสั้นๆ สำหรับกรณีนี้คือ โดยปกติแล้ว ไม่ถึงขั้นติดคุก เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยเล่นหรืออุปกรณ์ดัดแปลง (ตามความผิดข้อ 9.4.3 ของคู่มือเทคนิค) ถือเป็นการละเมิดกฎกติกาการแข่งขัน ซึ่งมีบทลงโทษเป็น มาตรการทางวินัย ของสมาคมกีฬาและฝ่ายจัดการแข่งขัน เช่น การตัดสิทธิ์ (Disqualification), การริบเหรียญรางวัล หรือการแบนห้ามแข่งขัน ดังที่ทาง Garena และ สมาคมอีสปอร์ตฯ (TESF) ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งยังไม่ใช่คำพิพากษาของศาลยุติธรรมที่จะสั่งจำคุกใครได้

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่จะลากยาวไปถึงคุกตารางนั้น เป็นไปได้ ก็ต่อเมื่อพฤติกรรมดังกล่าวไปเข้าองค์ประกอบของกฎหมายอาญา 2 ฉบับหลัก ๆ ฉบับแรกคือ พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 ในหมวดว่าด้วยการ ล้มกีฬา แต่จุดนี้มีข้อจำกัดสำคัญคือ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการ ให้หรือรับผลประโยชน์ (สินบน) เพื่อจูงใจให้ผลการแข่งขันพลิกผันไปจากความเป็นจริง หรือมีการล็อกผลเพื่อการพนัน แต่กรณีของการใช้โปรแกรมช่วยเล่นเพื่อ อยากชนะ โดยไม่มีหลักฐานเรื่องเส้นทางการเงินหรือการจ้างวานจากภายนอก มักจะไม่เข้าข่ายนิยามการล้มกีฬาในทางกฎหมาย

อีกช่องทางหนึ่งคือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทางเทคนิคอย่างละเอียดว่า ซอฟต์แวร์ที่ใช้มีการ แฮ็ก หรือ เจาะระบบ (Unauthorized Access) เข้าไปในเซิร์ฟเวอร์กลาง หรือมีการทำลาย/แก้ไขข้อมูลของระบบให้เสียหายหรือไม่

หากเป็นเพียงการติดตั้งโปรแกรมเสริม (Third-party software) ในเครื่องผู้เล่นเพื่อช่วยเล็งหรือเปิดแมพ โดยไม่ได้ไปรบกวนระบบหลักของงานแข่ง อาจมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟ้องร้องในฐานความผิดทางอาญานี้

สรุปสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน กรณีของ Tokyogurl ยังคงจบลงที่ โทษประหารชีวิตในเส้นทางอาชีพ ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในวงการกีฬาแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานหรือสัญญาณใด ๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีอาญา

เนื่องจากการจะเอาผิดให้ถึงคุกต้องมีองค์ประกอบของเจตนาทุจริตเชิงพาณิชย์หรือความเสียหายต่อระบบคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจนกว่าการแค่ทำผิดกติกาเพื่อเอาเปรียบในเกม

การพิสูจน์การโกงในกีฬาเป็นเรื่องยากหากไม่มีหลักฐานชัดเจน
ภาพจาก : IG tky.grl_

“ทนายแก้ว” ชี้ช่องเอาผิดอาญา ปมโกงซีเกมส์อาจถึงคุก 3 ปี

อย่างไรก็ตาม หากอ้างอิงข้อมูลจาก เพจเฟซบุ๊ก SPOTZ ที่ได้เผยแพร่คลิปเสียงบทสัมภาษณ์ของ “ทนายแก้ว” หรือ ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความชื่อดัง ที่ออกมาให้ความรู้ในแง่มุมของกฎหมายต่อกรณีดราม่าวงการอีสปอร์ต โดยระบุว่าพฤติการณ์ของการ “โกง” ในลักษณะหลอกลวงหรือปกปิดข้อความจริงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะหรือเหรียญรางวัลนั้น อาจไม่ได้จบแค่บทลงโทษทางวินัยการกีฬา แต่อาจลามไปถึงคดีอาญาได้

ทนายแก้ว อธิบายว่า ในทางกฎหมายอาญา หากบุคคลใดมีพฤติกรรมหลอกลวง ปกปิดข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ (ในที่นี้คือเหรียญทองหรือเงินรางวัล) การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 3 ปี

ทนายแก้วเน้นย้ำว่าเป็นความเห็นส่วนตัวในเชิงกฎหมายว่า หากพิสูจน์ได้ว่ามีการทำบางสิ่งบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากกติกาจริง แล้วปกปิดไว้เพื่อหวังผลรางวัล ก็ถือว่าองค์ประกอบความผิดครบถ้วน ส่วนประเด็นเรื่อง พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 นั้น ปกติจะใช้กับกรณีการ “ล้มกีฬา” หรือการรับงานเพื่อให้แพ้ แต่ในเคสนี้เป็นการโกงเพื่อจะเอาชนะ จึงน้ำหนักไปทางฉ้อโกงประชาชนหรือฉ้อโกงผู้จัดการแข่งขันมากกว่า

ประเด็นที่น่าตกใจและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือสถานะของ “เพื่อนร่วมทีม” โดยทนายแก้วชี้ว่า หากมีบุคคลใดในทีมรับรู้ถึงการกระทำผิด หรือสงสัยว่าเพื่อนร่วมทีมมีการโกง แต่เลือกที่จะเพิกเฉย ไม่แจ้งให้หัวหน้าผู้ฝึกสอนหรือผู้ใหญ่ทราบ จะถือว่าบุคคลนั้นเป็น “ตัวการร่วม” หรือผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำความผิดทันที

เพราะในทางกฎหมายถือว่า “รู้มากหรือรู้น้อยก็ถือว่ารู้” ดังนั้น การที่สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยตัดสินใจถอนทีมออกจากการแข่งขัน ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเป็นการ “ตัดไฟแต่ต้นลม” เพราะหากปล่อยให้แข่งจนจบและได้รับเหรียญรางวัลมาแล้ว ความผิดฐานฉ้อโกงจะถือว่ากระทำสำเร็จโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลเสียร้ายแรงกว่ามาก

ในช่วงท้าย ทนายแก้วได้ฝากคำเตือนไปยังนักกีฬาและคนทำงานทั่วไปว่า หากเกิดความระแคะระคายหรือสงสัยว่าเพื่อนร่วมงานหรือคนในทีมมีแนวโน้มจะทุจริต วิธีที่ดีที่สุดในการ “Protect ตัวเอง” ไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องหาสมรู้ร่วมคิด คือต้องรีบนำเรื่องไปแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาหรือโค้ชทันที เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่าเกรงใจคำว่าพี่น้องหรือกลัวผิดใจกัน เพราะหากยอมปล่อยผ่านไป ตัวเราเองอาจจะต้องรับโทษทางอาญาไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก : FB/SPOTZ, พ.ร.บ. ส่งเสิรมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button