สหรัฐฯ ยกเลิกสถานะคุ้มครองชาวเมียนมา อ้างประเทศปลอดภัยกลับบ้านได้แล้ว

รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศยุติสถานะความคุ้มครองชั่วคราว (TPS) สำหรับพลเมืองเมียนมาในสหรัฐฯ อ้างเหตุผลความปลอดภัยเพียงพอเดินทางกลับได้แล้ว ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากองค์กรสิทธิมนุษยชนที่มองว่าเป็นข้ออ้างที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง
กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ (DHS) ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ระบุว่า คริสตี โนเอม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ ได้หารือกับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ มีข้อสรุปว่าสถานะความคุ้มครองชั่วคราว (TPS) สำหรับเมียนมานั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
“การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการคืนสถานะ TPS กลับสู่เงื่อนไขเดิมคือความชั่วคราว” โนเอมระบุในแถลงการณ์ “สถานการณ์ในเมียนมา ได้ดีขึ้นจนถึงระดับที่ปลอดภัยสำหรับพลเมืองพม่าในการเดินทางกลับบ้าน เราจึงขอยุติสถานะความคุ้มครองชั่วคราวนี้ พม่ามีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดในด้านการปกครองกับเสถียรภาพ รวมถึงการสิ้นสุดสถานการณ์ฉุกเฉิน แผนการจัดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม ข้อตกลงหยุดยิงที่ประสบความสำเร็จ และการปกครองท้องถิ่นที่ดีขึ้น”
มีผลทำให้ชาวเมียนมาราว 4,000 คนที่ถือสถานะ TPS ในสหรัฐฯ หมดสิทธิ์พำนักอาศัยในวันที่ 26 มกราคมที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ สร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย เนื่องจากขัดแย้งกับมุมมองของประชาคมโลกและองค์การสหประชาชาติ ที่ระบุว่าการเลือกตั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมาวางแผนไว้ในช่วงเดือนธันวาคมและมกราคมนั้น ไม่สามารถเป็นไปอย่างเสรีหรือยุติธรรมได้ ตราบใดที่ผู้นำฝ่ายค้านอย่าง อองซานซูจี ยังถูกคุมขังและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามยังถูกแบน
จอห์น ซิฟตัน (John Sifton) ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชียของ Human Rights Watch วิพากษ์วิจารณ์ว่า “การวิเคราะห์ข้อเท็จจริง (ของสหรัฐฯ) เป็นเรื่องเพ้อฝัน ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ระบุมา ไม่มีการปรับปรุงด้านการปกครองหรือเสถียรภาพใดๆ การยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินไม่มีความหมายในทางปฏิบัติ และสิ่งที่เรียกว่าการเลือกตั้งที่ประกาศโดยกองทัพ เป็นที่เข้าใจกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นแค่ละครโรงใหญ่ ไม่ใช่แค่เรื่องตลก แต่มันคือเรื่องจอมปลอม”
ข้ออ้างของรัฐบาลทรัมป์ยังดูเหมือนจะขัดแย้งกับสมาชิกพรรครีพับลิกันเอง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยัง คิม (Young Kim) ประธานคณะอนุกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร เรียกการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นว่า “ปาหี่” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างภาพความชอบธรรมให้รัฐบาลทหาร
นอกจากนี้ รายงานสิทธิมนุษยชนล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนสิงหาคม ยังระบุชัดเจนว่ามี “ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ” ในเมียนมา รวมถึงรายงานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับการสังหารตามอำเภอใจ การทรมาน การข่มเหงนักข่าว และการจำกัดเสรีภาพทางศาสนา โดยระบุว่าวิกฤตสิทธิมนุษยชนในพม่าเลวร้ายลงจากการสู้รบที่รุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ โดยโยนเรื่องให้เป็นหน้าที่ของ DHS เป็นผู้ชี้แจง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เซเลนสกี” พร้อมทำงานอย่างซื่อสัตย์ หลังสหรัฐฯเสนอร่างยุติสงครามรัสเซี
- ศาลสหรัฐฯ สั่งจำคุกครูสาว 14 ปี แอบกินแซ่บกับลูกศิษย์ในคุก แถมจ้างฆ่าผัวตัวเอง
- สหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตร คน-บริษัทในไทย โยงแก๊งสแกมเมอร์เมียนมา
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





