การเงินเศรษฐกิจ

สงขลา ติดอันดับ 4 ได้งบจัดการน้ำมากสุด ปี 2568 กว่า 2.3 พันล้านบาท

แผนบริหารความเสี่ยงกรมน้ำปี 2568 เปิด 6 ภารกิจหลัก รับมือปัญหาล่าช้าและภัยไซเบอร์ ยกระดับความมั่นคงทางน้ำอย่างยั่งยืน ทำได้จริงหรือ หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ ระดับมหาอุทกภัย

ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงวิกฤตรุนแรง หลายพื้นที่ยังคงถูกน้ำท่วมสูง ประชาชนกว่า 8 หมื่นคนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แม้ว่าระดับน้ำในบางจุดจะเริ่มลดลงเล็กน้อย

หลายพื้นที่ระดับน้ำสูงถึง 2-4 เมตร ทำให้ประชาชนจำนวนมากยังคงติดค้างอยู่ภายในบ้านหรือต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้นสองหรือบนหลังคาบ้าน าเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกหนักสะสมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงวันที่ 19 พ.ย. 68 และมวลน้ำก้อนใหญ่จากอำเภอสะเดาไหลเข้าสู่พื้นที่ ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงนี

ตอนนี้ หน่วยงานต่างๆ ทั้งตำรวจ ทหาร และทีมกู้ภัย ได้ระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่อย่างเต็มที่เพื่ออพยพประชาชนที่ติดค้าง แจกจ่ายอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง เริ่มมีศพประชาชนลอยขึ้นมาตามน้ำ จากความล้าช้าที่ไปไม่ถึง

กรมชลประทานรายงานว่าระดับน้ำในคลองอู่ตะเภาเริ่มลดลงแล้วประมาณ 1 เมตร และคาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนว่าน้ำอาจจะยังคงท่วมขังในเขตเศรษฐกิจไปอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องน้ำทะเลหนุนสูง และการระบายน้ำยังทำได้ไม่ดีพอ

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศฉบับสุดท้ายของเหตุการณ์นี้ โดยคาดการณ์ว่าฝนหนักจะเริ่มหยุดตกในคืนวันที่ 26 พ.ย. 68 และสถานการณ์จะดีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย. 68

เปิดแผนจัดการความเสี่ยงของกรมทรัพยากรน้ำ ประจำปี 2568 ทำอะไรไปแล้วบ้าง

เนื้อหาหลักแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การควบคุมภายใน กับ การบริหารจัดการความเสี่ยง เน้นแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ดังนี้

1. การควบคุมภายใน กรมฯ ได้คัดเลือกกิจกรรมสำคัญที่ต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษเพื่อให้งานเดินหน้าอย่างถูกต้อง จำนวน 8 กิจกรรม ได้แก่

  • การกำกับดูแลและพัฒนาแหล่งน้ำสาธารณะกับพื้นที่ชุ่มน้ำ
  • การสำรวจออกแบบโครงการแหล่งน้ำขนาดใหญ่
  • การกำกับดูแลกิจการประปาสัมปทาน
  • ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าน้ำหลาก-ดินถล่ม (Early Warning)
  • การติดตามช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งและอุทกภัย
  • การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ
  • การบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • การทำบัญชีวัสดุครุภัณฑ์

2. การบริหารจัดการความเสี่ยง เน้นการวิเคราะห์ “จุดอ่อน” หรือปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ภารกิจล้มเหลว พร้อมวิธีรับมือ โดยในปี 2568 มีความเสี่ยงสำคัญ 6 ด้านที่ต้องเร่งจัดการ

  • ด้านการอนุรักษ์ บุคลากรยังขาดองค์ความรู้เรื่องนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำที่ซับซ้อน และการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำยังไม่ครอบคลุมทุกโครงการ
  • ด้านการก่อสร้าง โครงการแหล่งน้ำมักล่าช้า เสร็จไม่ทันตามปีงบประมาณ สาเหตุจากสภาพอากาศ (ฝนตก/น้ำท่วม) ปัญหาการเข้าใช้พื้นที่ และผู้รับจ้างขาดสภาพคล่องทางการเงิน
  • ด้านการจัดสรรน้ำ การออกใบอนุญาตใช้น้ำประเภทที่ 3 ล่าช้า เนื่องจากขั้นตอนการพิจารณาเอกสารซับซ้อน
  • ด้านการเตือนภัย ระบบ Early Warning มีความเสี่ยงสูงมากจากการเชื่อมโยงสัญญาณไม่ครบ 100% เนื่องจากสถานีกว่า 1,795 แห่งมีอายุเกิน 5 ปี และขาดงบซ่อมแซม ทำให้การแจ้งเตือนภัยอาจไม่ทันเหตุการณ์
  • ด้านงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้
  • ด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย (Firewall) มีอายุการใช้งานจำกัด (License ปีต่อปี) เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์

กรมทรัพยากรน้ำวางแผนรับมือด้วยการเร่งรัดผู้รับจ้างให้ทำงานก่อนหน้าฝน ตรวจสอบฐานะการเงินผู้ประมูลงาน ของบประมาณซ่อมแซมสถานีเตือนภัยเร่งด่วน และจัดหาซอฟต์แวร์ป้องกันภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปี 2568 สามารถดูแลทรัพยากรน้ำให้ประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ

10 อันดับ จังหวัดได้รับงบบริหารจัดการน้ำมากที่สุดในปี 2568

  • อุบลราชธานี 3,421 ล้านบาท
  • กาญจนบุรี 2,369 ล้านบาท
  • กรุงเทพมหานคร 2,334 ล้านบาท
  • สงขลา 2,326 ล้านบาท
  • นครศรีธรรมราช 2,259 ล้านบาท
  • นครราชสีมา 2,234 ล้านบาท
  • เชียงราย 2,119 ล้านบาท
  • นครพนม 2,020 ล้านบาท
  • บุรีรัมย์ 2,009 ล้านบาท
  • เชียงใหม่ 1,903 ล้านบาท

อ้างอิงจาก: 101 world

สงขลา ติดอันดับ 4 ได้งบบริหารจัดการน้ำมากที่สุด ปี 2568 กว่า 2.3 พันล้านบาท

ภาพรวมงบประมาณจัดการน้ำ

ประเทศไทยมีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการน้ำโดยรวมกว่า 1 แสนล้านบาทต่อปี ครอบคลุมทั้งการป้องกันน้ำท่วม การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และการพัฒนาแหล่งน้ำในระยะยาว มีทั้งงบประมาณปกติที่จัดสรรให้หน่วยงานต่างๆ และงบกลางสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

การจัดสรรงบประมาณเพื่อการเยียวยาและป้องกัน (งบกลาง)คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณจากงบกลางประจำปี 2568 และ 2569 เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำ ดังนี้

งบประมาณเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย: คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบกลางวงเงินรวมประมาณ 6,169 ล้านบาท (จากงบประมาณปี 2569) เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2568 จำนวน 685,554 ครัวเรือนใน 65 จังหวัด

อัตราการช่วยเหลือ: เป็นการจ่ายแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท

การช่วยเหลือเพิ่มเติม (ตามระยะเวลา): มีมติเห็นชอบการเพิ่มเงินเยียวยาแบบขั้นบันไดสำหรับพื้นที่น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง 31-60 วัน จะได้รับเพิ่ม 5,000 บาท และสูงสุด 20,000 บาท สำหรับผู้ที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป

หน่วยงานรับผิดชอบ: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจ่ายเงินผ่านธนาคารออมสิน

งบประมาณบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ป้องกันภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง): คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 งบกลาง วงเงิน 7,404.34 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง จำนวน 2,748 รายการ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button