“ไผ่ ลิกค์” เผยแบบนี้เรียกบัญชีม้า ปมทุจริตเงินผู้ช่วย สส.ปชน. ยัน มีหลักฐานอีก

“ไผ่ ลิกค์” แฉ พรรคประชาชน ส่อฟอกเงิน อ้างใช้เงินเดือน ผู้ช่วย สส. มาจ่ายค่าสมัครสมาชิกพรรค ชี้ แบบนี้เรียกบัญชีม้า พร้อมเผยมีหลักฐานอีก
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผานมา นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากมีเพจหนึ่งได้โพสต์ข้อความโดยอ้างว่า พรรคประชาชนอาจเข้าข่ายฟอกเงิน ด้วยการนำรายชื่อประชาชนตามหมู่บ้านสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมกับตัวแทนพรรคเป็นผู้ออกเงินค่าสมัครสมาชิก
โดย ไผ่ ลิกค์ โพสต์ข้อความว่า “เอาเงินผู้ช่วย สส. ไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองผิดนะครับ แล้วเอาแค่ชื่อมาเป็นผู้ช่วย สส. และไม่ให้ทำงานเรียกบัญชีม้านะครับ แบบนี้เค้าเรียกหลักฐาน และยังมีอีกนะครับ คำสารภาพของเจ้าของบัญชี”

นอกจากนั้น ไผ่ ลิกค์ ยังได้โพสต์แนบเอกสารที่ นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร นักธุรกิจและนักวิชาการอิสระ ยื่นต่อ นายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ขอให้อายัดบัญชีพรรคประชาชนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยได้มีการระบุว่า
“ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคประชาชน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 เนื่องจากปรากฏพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการปกปิดแหล่งที่มาของเงินบริจาค ด้วยวิธีการจ่ายเป็นเงินค่าสมัครสมาชิกพรรคการเมืองซึ่งอาจถือเป็นการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
กรณีเงินค่าสมัครสมาชิกซึ่งทำธุรกรรมจากบัญชีของผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นเงินที่อาจได้มาจากการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่งรายชื่อให้สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเงินค่าตอบแทนเข้าบัญชีผู้ช่วยดำเนินงานประจำตัว ทั้งที่มิได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอันแสดงเจตนาทุจริตด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อให้ได้ทรัพย์ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นโดยทุจริต อันเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2546

เมื่อความปรากฏว่า พรรคประชาชนซึ่งได้จัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลที่ต้องมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่กลับมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 การกระทำที่เกี่ยวข้องดังกล่าวย่อมเป็นความผิดต่อรัฐให้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่งและสำนักงานสภาผู้แทนราษฎรพึงได้รับทรัพย์ที่ถูกหลอกลวงโดยทุจริตนั้นคืนแก่รัฐ หากปล่อยให้บัญชีพรรคประชาชนยังคงทำธุรกรรมต่อไปก็อาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้น และไม่สามารถติดตามทรัพย์นั้นคืนแก่รัฐได้
ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินการของพรรคการเมืองให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากปล่อยให้มีการดำเนินธุรกรรมอยู่ก็อาจส่งผลเสียหายยิ่งขึ้น และเพื่อประโยชน์แก่การสืบสวน สอบสวน หรือไต่สวน แล้วแต่กรณี จึงขอได้โปรดรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานพร้อมทั้งเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาให้มีการอายัดบัญชีพรรคประชาชนและดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องดังกล่าวอันเกี่ยวกับความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542″

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เรืองไกร” ร้องสอบ “ไอซ์ รักชนก” ปมโพสต์แฉขบวนการโกง ใหญ่คับฟ้า นายกยังไม่กล้าแตะ
- หมอเหรียญทอง โพสต์จี้ สปสช. หลังทราบข้อมูล ทุจริตคีย์ข้อมูลเท็จ
- ส่องคำใบ้ “นักการเมือง ช.” คือใคร “โรม” เชื่อหน่วยงานรัฐรู้ แต่เฉย
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





