ข้าราชการอย่าตกใจ ! เริ่มแล้ว “COPAY สิทธิร่วมจ่ายค่ายา” รพ.ร่อนจดหมายมีผลวันนี้
สิทธิข้าราชการ COPAY ต้องจ่ายร่วมส่วนต่างเอง ยามะเร็ง และอีกหลายรายการ สิทธิข้าราชการจะเบิกยาจ่ายเท่าราคา Generic ถ้าจะเอายา Original ต้องจ่ายส่วนต่างเอง มีผลบังคับใช้ 1 พฤศจิกายน 2568
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา สภากาชาดไทย เผยแพร่ประกาศ “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” ที่ 739 /2568 เรื่อง การร่วมจ่ายค่ายาที่กรมบัญชีกลางกําหนดอัตราการเบิกจ่าย
ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0416.2/ว537 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568 เรื่อง การกําหนดอัตราเบิกจ่ายค่ายารักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงซึ่งได้กําหนดหลักเกณฑ์และอัตราการเบิกจ่ายค่ายาสําหรับสิทธิ์กรมบัญชีกลางสําหรับยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยให้สามารถเบิกจ่ายได้ไม่เกินอัตราที่กรมบัญชีกลางกําหนดนั้น
ในการนี้ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ขอแจ้งให้ผู้มารับบริการสิทธิ์กรมบัญชีกลางและสิทธิ์อื่นที่อ้างอิง ตามระเบียบของกรมบัญชีกลางทราบว่า ผู้มารับบริการจะสามารถเบิกจ่ายค่ายาได้ไม่เกินอัตราที่กรมบัญชีกลางกําหนด และจะต้องร่วมจ่ายส่วนต่างของค่ายา (Copayment) สําหรับกรณีที่ราคายาของโรงพยาบาลสูงกว่าอัตราเบิกจ่ายดังกล่าวด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 30 ตุลาคม 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์จิรุตม์ ศรีรัตนบัลล์ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ถาม-ตอบ สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ Co-Payment
อย่าเพิ่งเข้าใจผิด กรมบัญชีกลางเคลียร์ทุกคำถาม เกี่ยวกับ “สิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการต้องร่วมจ่าย Co Pay จริงหรือไม่ ?”
คำถาม : การปรับแก้การเบิกค่ายาครั้งนี้ เป็นการลดสิทธิของผู้ป่วยหรือไม่?
ตอบ ไม่ใช่การลดสิทธิแต่อย่างใดเป็นการจัดระบบให้เหมาะสมและคุ้มค่า เพื่อให้ระบบสวัสดิการ รักษาพยาบาลมีความยั่งยืน ผู้ป่วยยังคงได้รับยาที่มีประสิทธิภาพ และมาตรฐาน แต่ในกรณีที่ต้องใช้ยาที่ราคาสูง จะมีระบบกํากับ การใช้ยาที่เหมาะสม เช่น ต้องมีข้อบ่งชี้สําคัญที่แพทย์รับรอง

ทําไมต้องมีการปรับแก้อัตราการเบิกค่ายา?
ตอบ : ปัจจุบันมียาหลายชนิดที่มี ยาสามัญ (GENERIC) และยาชีววัตถุคล้ายคลึง (BIOSIMILAR) ออกสู่ตลาดซึ่งผ่านการรับรองว่ามีคุณภาพ-ประสิทธิภาพและความปลอดภัย เทียบเท่ายาต้นแบบ (ORIGINAL) แต่มีราคาที่ต่ํากว่า ซึ่งการนํามาใช้แทน เป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าโดยไม่ลดคุณภาพ การดูแล และเป็นไปตามมาตรฐานสากล
คําถาม : มีความเสี่ยงหรือไม่ ? ที่ผู้ป่วยจะไม่ได้รับยาที่เหมาะสม
ตอบ : ระบบกําหนดอัตราเบิกและการคัดเลือกยาทั้งหมด อ้างอิงตามหลักฐานทางการแพทย์ (EVIDENCE-BASED MEDICINE) และมาตรฐานแนวทางการรักษาของสมาคมวิชาชีพ ดังนั้น ผู้ป่วยยังได้รับยาที่เหมาะสม ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ เช่นเดิม
คําถาม : ต่อไปสิทธิข้าราชการจะเบิกได้เฉพาะยาในบัญชียาหลักแห่งชาติเท่านั้น ไม่สามารถเบิกยาต้นแบบได้ ใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ การเบิกจ่ายค่ายา ผู้มีสิทธิยังคงสามารถเบิกค่ายานอกบัญชี ยาหลักแห่งชาติได้ตามความจําเป็นและเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งสามารถเบิกได้ทั้งยาสามัญและยาต้นแบบ ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราที่กรมบัญชีกลางกําหนด

คำถาม : การปรับแก้แบบนี้ ประเทศอื่นทําหรือไม่ ?
ตอบ : ในหลายประเทศ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ลิงคโปร์มีการปรับระบบการใช้ยามะเร็งด้วยแนวทางเดียวกัน โดยใช้ยา BIOSIMILAR และ GENERIC เพื่อให้ระบบสุขภาพ มีความยั่งยืน ขณะเดียวกันก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่จําเป็น ต้องใช้ยาต้นแบบ (ORIGINAL/ORIGINATOR) ยังสามารถใช้ได้ ในกรณีที่แพทย์เห็นสมควร
กรมบัญชีกลางให้ผู้ใช้สิทธิข้าราชการต้องร่วมจ่ายเงิน ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษา (CO-PAYMENT) ใช่หรือไม่ ?
คําตอบ
ตอบ : ไม่ใช่ กรมบัญชีกลางได้ทําการปรับเรื่องการใช้ยาให้เหมาะสมตามอัตรา ให้เป็นไปตามเงื่อนไง ข้อบ่งชี้ และเพดานที่กรมบัญชีกลางกําหนด โดยอ้างอิงจากข้อมูลการใช้ยาจริงจองสถานพยาบาลและฐานข้อมูล การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล (MEDICAL BENEFI DATABASE) จองกรมบัญชีกลาง ราคาจัดซื้อของ สปสช. เพื่อให้มั่นใจว่า อัตราใหม่ สอดคล้องกับราคาที่จัดซื้อจริง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารงบประมาณด้านยาอย่างคุ้มค่า เป็นการกําหนดเงื่อนไข การจ่ายตามปกติที่กรมบัญชีกลางทํามาโดยตลอด เช่นเดียวกับ พวกค่าห้อง ค่าอวัยวะเทียม และค่าตรวจวินิจฉัย.
ขอบคุณคลิป : รักษามะเร็งกับศ.นพ.ชวลิต รพ.จุฬาลงกรณ์





อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รพ.สุราษฎร์ฯ โอด สปสช. โอนเงินให้แค่ 161 บาท หักย้อนหลังเหี้ยน แบกค่าใช้จ่ายนับร้อยล้าน
- รพ.มงกุฎวัฒนะ แบกต่อไม่ไหว งดรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง สปสช. ค้างหนี้กว่า 100 ล้าน เงียบกริ๊บ
- ปลัดสธ. แจงสถานการณ์แพทย์ทำงานจริงแค่ 72% บึงกาฬ ขาดแคลนสุด-เสนอ 6 ทางแก้
ติดตาม The Thaiger บน Google News:



