ไขทุกข้อสงสัย! ชาวคริสต์-มุสลิม ฉลองเทศกาล “ฮาโลวีน” ได้ไหม และอะไรทำได้บ้าง

ไขข้อสงสัย ชาวคริสต์ และมุสลิม สามารถเฉลิมฉลองเทศกาล “ฮาโลวีน” ได้หรือไม่ พร้อมเปิดความเชื่อ และมุมมองของทั้งสองศาสนา
วันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับ “เทศกาลฮาโลวีน” (Halloween) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “วันปล่อยผี” ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในโลกตะวันตกและในหลายพื้นที่ของไทย ต่างสนุกสนานกับการแต่งกายแฟนซีเป็นภูติผีปีศาจและกิจกรรม “Trick-or-Treat” อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความรื่นเริงทางวัฒนธรรม เทศกาลนี้ยังคงสร้างคำถามสำคัญในหมู่ผู้ศรัทธา โดยเฉพาะชาวคริสเตียนและชาวมุสลิมว่า การเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับหลักคำสอนของศาสนาหรือไม่
มุมมองศาสนาคริสต์ “เทศกาลวัฒนธรรม” หรือ “รากเหง้านอกรีต”
นิกายโรมันคาทอลิก
- ที่มา: คาทอลิกมองว่าฮาโลวีนมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับศาสนา โดยคำว่า “Halloween” เพี้ยนมาจาก “All Hallows’ Eve” (ค่ำคืนก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย) ซึ่งวันสำคัญทางศาสนาคือ วันที่ 1 พฤศจิกายน (All Saints’ Day) โดยปัจจุบัน ฮาโลวีน ถูกมองว่าเป็นเรื่องทางวัฒนธรรมทั่วไปมากกว่า ไม่ใช่วันสำคัญทางศาสนา
- แนวทางปฏิบัติ: หลายชุมชนคาทอลิกเข้าร่วมในลักษณะงานรื่นเริงสำหรับครอบครัว เช่น แต่งกายแฟนซี หรือแจกขนม โดยผู้นำศาสนามักเน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความชั่วร้ายหรือปีศาจ และหันไปจัดกิจกรรมให้เด็กแต่งกายเลียนแบบนักบุญแทน
นิกายโปรเตสแตนต์
- ที่มา: โปรเตสแตนต์ส่วนใหญ่มองว่าฮาโลวีนดั้งเดิมเป็นธรรมเนียมของ “คนนอกศาสนา” (Pagans) โดยเฉพาะเทศกาล “ซาห์วิน” (Samhain) ของชนเผ่าเคลต์โบราณ และไม่ได้มีที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล สำหรับคริสเตียนบางกลุ่ม กังวลว่าการฉลองฮาโลวีนอาจขัดกับหลักความเชื่อ แต่จากการสำรวจในสหรัฐฯ มีศิษยาภิบาลเพียง 13% ที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง
- แนวทางปฏิบัติ: โบสถ์โปรเตสแตนต์จำนวนมากในปัจจุบัน กลับสนับสนุนให้ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน เช่น การต้อนรับแจกขนมแก่เด็ก ๆ หรือจัดงาน “Fall Festival” (เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง) เป็นทางเลือก โดยให้เด็กแต่งกายในธีมตัวละครเชิงบวกแทนภูติผี

มุมมองศาสนาอิสลาม ถือเป็นเรื่องต้องห้ามหรือไม่
สำหรับศาสนาอิสลาม มีมุมมองที่ชัดเจนและเข้มงวดต่อเทศกาลฮาโลวีน โดยสรุปว่าเป็นการกระทำที่ “ฮารอม” (Haram) หรือ “สิ่งต้องห้าม”
รากเหง้าที่ขัดต่อหลัก “เตาฮีด”
รากเหง้าของฮาโลวีนที่เชื่อมโยงกับเทศกาลซาห์วิน ซึ่งเป็นการบูชาเทพเจ้าแห่งความตายและวิญญาณ ถือว่าขัดแย้งต่อหลักการ “เตาฮีด” (การให้เอกภาพแด่อัลลอฮ์) อย่างร้ายแรง และอาจถือเป็น “ชิริก” (การตั้งภาคี) และสิ่งที่แสดงถึงความสยองขวัญของฮาโลวีน ทั้งผี, แม่มด หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ ล้วนขัดต่อความเชื่อของมุสลิมที่สักการะต่ออัลลอฮ์เพียงองค์เดียว
การเข้าร่วมแม้เพียงเพื่อความสนุกสนาน
แม้บางคนอาจมองว่ากิจกรรมอย่าง “ทริกออร์ทรีต” หรือการไปปาร์ตี้ เป็นเพียงความบันเทิงและไม่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ดั้งเดิมแล้ว แต่ในมุมมองของอิสลามก็ยังคงถือเป็นฮารอม
มีหะดีษ (คำสอนของศาสดา) ที่ระบุว่า “บุคคลใดที่เลียนแบบชนกลุ่มหนึ่ง เขาก็เป็นคนกลุ่มนั้น” การเข้าร่วมฮาโลวีนจึงถือเป็นการเลียนแบบการปฏิบัติที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีอิสลาม
ท่านศาสดามุฮัมมัด ได้กล่าวว่า อัลลอฮ์ได้ทรงประทานสองวันที่ดีกว่าการเฉลิมฉลองอื่นใดมาแทนที่แล้ว นั่นคือ วันอีดิลอัฎฮา และ วันอีดิลฟิตรี
สำหรับชาวมุสลิม นิกายซุนนี นั้น มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการฉลองฮาโลวีนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่สำหรับ นิกายชีอะห์ มีทัศนคติโดยรวมที่ไม่สนับสนุนเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ผู้นำศาสนาสายชีอะห์บางท่านในประเทศตะวันตก อาจมีท่าทีผ่อนปรนกว่าเล็กน้อย โดยมองว่า หากเข้าร่วมในเชิงวัฒนธรรมเท่านั้น (เช่น ให้ขนมเด็ก) โดยปราศจากความเชื่อที่ขัดกับศาสนาก็อาจถือว่าไม่มีปัญหา ถึงขั้นต้องห้าม
โดยสรุปแล้ว ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่มองฮาโลวีนเป็นเรื่องทางวัฒนธรรมที่สามารถปรับใช้ได้ตามดุลยพินิจ ตราบใดที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ในขณะที่ศาสนาอิสลามมีท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการเข้าร่วมในทุกรูปแบบ เนื่องจากขัดต่อหลักศรัทธาพื้นฐาน
ที่มา: Vatican News , Muftiwp และอื่น ๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เผ็ดซี้ด! เจนี่ เสิร์ฟลุคบันนี่สุดเซ็กซี่ โชว์หุ่นเป๊ะรับฮาโลวีน ใจสั่นรัว ๆ
- คําอวยพรวันฮาโลวีน ภาษาอังกฤษ อัปเดต 2025 ไว้โพสต์เป็นแคปชั่นไอจี
- เมืองสเปน วอนศูนย์พักพิงสัตว์งดให้รับเลี้ยง “แมวดำ” หวั่นถูกฆ่าช่วงฮาโลวีน
ติดตาม The Thaiger บน Google News:





