ของขึ้น! กลางโหนกระแส ซัดเดือดกลุ่มนักสิทธิฯ กันจอมพลัง ถามรู้ไหมสะเก็ดทะลุแก้มพ่อ เจาะกะโหลกลูก 8 ขวบ

ติ่ง มัลลิกา ของขึ้นในโหนกระแส เดือดกลุ่มนักสิทธิมนุษยนชนไปจน สว.อังคณา ปมเปิดเสียงผีกดดันกัมพูชา กัน จอมพลัง สวนไม่แปลข้อมูลไทยให้โลกรู้บ้าง สูญเสียไปแค่ไหน ฟาดจิตสำนึกรู้ไหมคนที่ควรไปตามคือ พ่อเด็ก 8 ขวบที่เสียลูกวันที่ระเบิดลงสุรินทร์ สะเด็ดเจาะแก้มพ่อทะลุเจาะกะโหลกลูกน้อยดับคาที่
รายการโหนกระแสวันนี้ (15 ต.ค.) ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตผู้สื่อข่าวและอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี สว.อังคณา นีละไพจิตร และกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนซึ่งออกมาประณามการกระทำของกัน จอมพลัง ที่ได้ไปเปิดเสียงเพลงเพื่อเป็นจิตวิทยาโต้กลับประเทศกัมพูชาที่ ณ ปัจจุบันสถานการณ์ความตรึงเครียดตามแนวชายแดนของ 2 ประเทศ ยังไม่มีทีท่าจะหาทางออกได้
ติ่ง มัลลิกา เปิดฉากมาใส่เดือดทันที โดยเปิดประเด็นที่มีการกล่าวหาว่าละเมิดกฏบัตรสหประชาชาติซึ่งเรื่องนี้แขกรับเชิญคนล่าสุดของหนุ่ม กรรชัย ย้ำชัดเจนว่า สิ่งที่ไทยทำนั้นยังไม่ได้ล้ำกฎบัตรฯ เพราะเราไม่ได้ส่งจรวดเข้าไป ไม่ได้มีการนำยุทธโทปกรเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชา
ส่วนเรื่องเสียงแหลมเป็นเสียงที่อยู่ในดินแดนเรา ถ้าคุณรำคาญเสียงดังกล่าว ฝั่งของเขมรก็ต้องเป็นฝ่ายขยับออกไป
ประเด็นที่ 2 หากจะอ้างเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” ตนขอถามกลับกันว่า วันที่เราเสียดินแดนแว่นแคว้นไป นักสิทธิมนุษยชนเหล่านี้อยู่ที่ไหน ? วันที่คุณยายกอดหลานร้องไห้ในพื้นที่บ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประมาณ 40 กิโลเมตร ตนจำหน้าคุณยายแม่นและติดตามาก หลานเขาเสียชีวิตมีใครไม่ทราบพาขึ้นไปวางบนรถกระบะ ซึ่งเรื่องสูญเสียแบบนี้ไม่เคยมีใครมาช่วยพูด
ขณะที่ นางสะทน กันภัย อายุ 63 ปี ยายซึ่งสูญเสียเสีย “น้องน้ำโขง” หลานอายุ 8 ขวบ เหยื่อจรวด BM-21 ตกใส่จ.สุรินทร์ เมื่อเดือนกรกฎาคม 68 กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าระบุ วันนั้นตกใจมาก ! คิดอะไรไม่ออก ร้องอย่างเดียวให้คนช่วย ยายอุ้มหลานวิ่งไปมา 2-3 รอบ ไม่รู้เลยว่าหลานมีลมหายใจอยู่รึเปล่า

สิ้นเสียงดังกล่าวกรรชัยแทรกว่า เหตุสูญเสียหลานไปนั้น มีนักสิทธิฯ เข้าไปหรือเปล่า ? คำตอบกลับมามีเพียงแค่เสียงเงียบ
ต่อมายายเล่าต่อว่า หลังจากพาไปโรงพยาบาล ยายก็ได้แต่ร้องไห้ตามไปบนรถกระบะ ไม่คิดว่าระเบิดจะมาลงกลางบ้าน ไม่คิดจะเร็วขนาดนี้ หลานเล่นกับพ่ออยู่ข้างนอก เพื่อนของพ่อหลานก็มาเล่นด้วยเพราะตั้งใจจะชวนอพยพ แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตคาที่ทั้งหลานและเพื่อนของพ่อที่มาชวนอพยพ โดยเพื่อนที่เสียไปนั้น มีความรักหลานเหมือนลูกแท้ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเจอเรื่องสลด โดยผู้ร่วมรายการยืนยันตอนที่ระเบิดลงนั้น ตกใส่เด็กเต็มๆ ทั้งสะเก็ดระเบิดและอะไรต่างๆ นานา
“แล้วมีนักสิทธิมนุษยชนไปร้องเรียนหรือขึ้นโพสต์ในโซเชียลให้หรือยัง ?” ผู้ดำเนินรายการถามย้ำถึงปมนี้อีกครั้ง คำตอบที่ได้กลับมาจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งมาร่วมเปิดเผยข้อมูลหน้างานบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนกรานเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่มี” จากนั้น มัลลิกา ช่วยย้ำอีกรอบว่าวันนั้นแม้แต่คำว่าเสียใจนักสิทธิมนุษยชนยังไม่เคยพูดเลย แม้แต่ลงโพสต์แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี !


ดร.มัลลิกา กล่าวชัดเจนถึงเรื่องคำว่า “สิทธิ” นั้น คนที่ทำหน้าที่ตรงนี้ต้องเรียกร้องไปสู่นานาชาติด้วยซ้ำไป แล้วอย่างเช่นกรณีบางรายที่ออกมาเคลื่อนไหวมีฐานะเป็นถึงสมาชิกวุฒิสภา หรือการที่เป็นประธานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับนานาชาติ อาทิ นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย จำเป็นต้องไปเชื่อมกับสหรัฐแต่กลับไม่เห็นมีการไปช่วยสื่อสารในมุมของประเทศไทยให้นานาชาติได้รับรู้ การที่บ้านเราถูกกระทำบ้างเลย
“เวลาคุณพูดมันมีน้ำหนัก สิ่งเหล่านี้สิ ! เป็นสิ่งที่คุณควรจะพูด เราเสียเด็ก 8 ขวบ เราเสียคนอายุ 34 ปี ที่ยืนอยู่เฉยๆ อยู่ในบ้านเตรียมอพยพด้วยซ้ำไป แต่วันนั้นหัวระเบิดเข้ามาประมาณนับสิบลูก (น้ำหนักมาตรฐานของจรวดแต่ละลูกคือ 800 กก.) ลงที่บ้านคุณยายไป 1 หัว ลงตรงนั้นลงตรงนี้ คำถามคือ คุณอังคณาก็ดี คุณสุนัยก็ดี และแต่ละคนที่กำลังมีบทบาทอยู่ในเวลานี้พูดแล้วเสียงดัง วันนั้นคุณทำอะไรล่ะ ! ฉันไม่เคยเห็นคุณลุกขึ้นมาทำอะไรเลยตอนนั้น”
“ถ้าเรียกร้องให้สิทธิกับกัมพูชา คุณก็ต้องเรีกร้องสิทธิให้กับเกาหลีใต้ด้วย” มัลลิกา ระบุ

หลังร่ายยาวมาพร้อมกับอารมณ์และน้ำเสียงที่ค่อนข้างดุดันกว่าทุกครั้ง ติ่ง มัลลิกา ได้อัปเดตเชิงเปรียบเทียบทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันเกาหลีใต้ส่งหน่วยรบพิเศษลงประเทศกัมพูชา แต่ประเทศไทยเรามัวแต่อ้างคำสวยหรู “สิทธิมนุษยชน” มนุษยทน-มนุษย์ทุกอย่าง
ขณะเดียวกันก่อนตัดจบประเด็นหน้างานจริงที่เล่าในรายการ ด้าน กัน จอมพลัง เปิดเรื่องสุดจุกอก ! โดยระบุ สิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากและอยากให้นักสิทธิมนุษยชนไปหา คือ พ่อของเด็ก 8 ขวบยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งนักสิทธิฯ น่าจะไปติดตามความคืบหน้าเนื่องจากเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุดเพราะวันซึ่งสูญเสียลูกไปนั้น คนเป็นพ่อถูกสะเก็ดระเบิดเจาะทะลุจากปากของตัวเองไปเข้าที่ศีรษะของลูกน้อย สภาพตอนนี้พ่อโดนสะเก็ดระเบิดต้องรักษาแผลทั่วตัวแถมสะบักหัก มีแผลตามร่างกายเป็น 100 จุด
ถ้าเป็นหลักการหรือเป็นหน้าที่ กันจอมพลัง กล่าวว่า ท่านควรทำให้มันเท่าเทียมกัน คนไทยท่านก็ควรเข้ามาช่วยเหลือ ท่านบอกแค่แปลเอกสารของเขมร ตนขอถามกลับบ้างว่าแล้วท่านไม่เอาเรื่องของเราไปแปลให้เขาฟังบ้างล่ะครับ ! แต่กลับไปเรียกร้องปกป้องสิทธิให้เขมรเสียแบบนี้ และวันที่ 25 ก.ย. บ้านเราไม่ใช่ฝ่ายที่เปิดเสียงดังก่อน แต่เป็นกัมพูชาที่ทำพฤติกรรมเช่นนี้ โดยยั่วยุขึ้นก่อน มีกาสิโนใกล้บ้านเปิดเสียงเพลงยั่วยุตลอด แต่ตนก็ไม่เห็นนักสิทธิคนไหนไปเรียกร้องให้ประเทศบ้านเกิดแท้ๆ ของตัวเองเลย
ยืนยันว่า ตนอยู่ชายแดนมาเกือบ 4 เดือน ไม่เคยเห็นกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนพวกนี้้เลย เพิ่งมาเห็นโผล่ออกมาตอนเปิดเสียงที่ชายแดนหนล่าสุดนี้เอง
“ลงหรือยังตอนนี้” กรรชัย ถามติ่ง มัลลิกา ก่อนที่แขกรับเชิญจะคลายข้อสงสัยสั้นๆ ว่า “ลงแล้ว” ฝั่งพิธีกรจึงกล่าวเห็นอกเห็นใจเนื่องจากประเด็นดังกล่าวนั้นง่ายต่อการปะทุของอารมณ์คุกรุ่นจริงๆ
ขณะที่มัลลิกาก็ทักเช่นกัน “เมื่อกี้ ! พี่หนุ่มเกือบขึ้นเหมือนกันนะ” พิธีกรคนดังก็แกล้งยิ้มพร้อมกล่าว เกือบสิ !.


อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ย้อนไทม์ไลน์ กัน จอมพลัง ปะทะ สว.อังคณา ปมเปิดเสียงผีชายแดน ก่อนดูโหนกระแสวันนี้
- กัน จอมพลัง รับคำท้า สส.ไอซ์ ช่วยปราบแก๊งสแกมเมอร์เขมร แต่มีข้อแม้
- ประวัติสว.อังคณา นีละไพจิตร สตรีนักสู้เพื่อสิทธิฯ เจ้าของรางวัล โนเบลแห่งเอเชีย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: