เผยชีวิตสีเทา ‘ทราย สก๊อต’ พี่เลี้ยงข่มขืน-ล่วงละเมิด แม่คือฝันร้ายวัยเด็ก

เรื่องจริงสุดสะเทือนใจ ทราย สก๊อต เปิดแผลใจวัยเด็ก ชีวิตในคฤหาสน์ใหญ่ ถูกพี่เลี้ยงไว้ใจล่วงละเมิด-ข่มขืน ตุ๊กตาบาร์บี้คือเพื่อน คุณตาคือแสงสว่าง
น้อยคนนักจะล่วงรู้ถึงม่านหมอกสีเทาที่ปกคลุมชีวิตวัยเยาว์ของ ทราย สก๊อต หรือ กรกนก โจลัตสาห์กุล ทายาทสิงห์รุ่นที่ 4 ชายหนุ่มผู้เติบโตมาในตระกูลภิรมย์ภักดี ย้อนกลับไปในปี 2023 ทราย ได้จรดปลายนิ้วเขียนบอกเล่าเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสามตอน เผยให้เห็นอีกด้านของชีวิตที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงคฤหาสน์ กลายเป็นบันทึกความทรงจำที่ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างยิ่งในการเปิดเปลือย ความจริงอันแสนเลวร้ายทั้งการถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศโดยบุคคลใกล้ตัวในบ้านเมื่อครั้งวัยเด็ก
ปมวัยเด็กถูกล่วงละเมิด แม่ทำร้ายจิตใจ สู่การบำบัดและจุดเปลี่ยน
ภาพจำในวัยเด็กของทรายคือการอาศัยอยู่กับคุณตา คุณยาย คุณแม่ และพนักงานในบ้านอีกหลายชีวิต บิดาและมารดาหย่าร้างกันก่อนทรายเกิด ฝ่ายพ่อแยกไปมีครอบครัวใหม่ ส่วนคุณแม่ก็เดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ทำให้ชีวิตประจำวันของเด็กชายทรายตกอยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงนามว่า มีนา ผู้ซึ่งทำงานกับครอบครัวมานานกว่าสองทศวรรษและได้รับความไว้วางใจจากทุกคนในบ้าน
มีนากลายเป็นเสมือนเงาของคุณแม่ คอยจัดการทุกอย่างให้ทราย ทั้งอาบน้ำ แต่งตัว พาไปเรียนพิเศษ ฝึกซ้อมกิจกรรมต่าง ๆ ทว่าเบื้องหลังความไว้วางใจนั้น มีนาคือบุคคลที่เด็กชายทรายหวาดกลัวที่สุด วันไหนที่ทรายไม่ทำตามคำสั่ง มีนาก็จะทุบตีและอาละวาดเสมอ
ฝันร้ายที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นในช่วงวัยประมาณ 8 ถึง 10 ขวบ เมื่อเด็กชายทรายถูกพี่เลี้ยงที่ไว้ใจ ล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืน ความทรงจำอันเลือนรางแต่แจ่มชัดในความรู้สึกคือภาพของมีนาใช้ร่างกายนั่งทับและถูไถ ท่ามกลางความช็อก กลัว และสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตนเอง มีนาเพียงบอกปัดความรู้สึกนั้นด้วยคำพูดว่า “นี่คือสิ่งที่ผู้ใหญ่เขาทำกันตอนอยากรู้สึกสบาย ๆ ผ่อนคลาย”
ท่ามกลางความมืดมนนั้น โลกใบเล็กของตุ๊กตาบาร์บี้คือความสุขเดียวที่เด็กชายทรายไขว่คว้า แต่ของเล่นชิ้นโปรดกลับถูกจำกัดพื้นที่ คุณแม่เก็บตุ๊กตาไว้ในห้องนอน อนุญาตให้เล่นได้เพียงสัปดาห์ละครั้งยามที่ท่านไม่อยู่ ราวกับเป็นสิ่งต้องห้ามที่ไม่อยากให้ใครพบเห็น
แสงสว่างเริ่มส่องเข้ามาในชีวิตของทรายช่วงอายุ 12 ถึง 16 ปี ทรายได้ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของคุณตา พื้นที่ปลอดภัยแห่งใหม่ ช่วงเวลานั้นคือความสุข ความอบอุ่น การได้เฝ้ามองคุณตาทำงานในมูลนิธิต่าง ๆ ได้จุดประกายความคิดอยากทำงานเพื่อสังคมในหัวใจเด็กหนุ่ม
คุณตาคือผู้มอบเงินให้ทรายไปซื้อบาร์บี้ด้วยตนเอง บอกให้หลานนำมาเก็บไว้ในห้องของท่านได้ โดยไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหรืออับอาย ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาของหลานชาย หรือการรับรู้ว่าหลานคนนี้มีหัวใจรักเพศเดียวกันมาตั้งแต่ยังเด็ก
มรสุมชีวิตก็ถาโถมเข้าใส่อีกครั้งหลังการจากไปของคุณตา คุณแม่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำครอบครัวเต็มตัว ทรายต้องเผชิญกับความยากลำบากระลอกใหม่ จนกระทั่งถูกไล่ออกจากบ้านเมื่ออายุ 25 ปี สิ่งที่น่าเจ็บปวดซ้ำเติมคือ การที่พี่เลี้ยงอย่างมีนา ซึ่งเคยถูกครอบครัวไล่ออกไปแล้วครั้งหนึ่ง กลับถูกคุณแม่จ้างให้กลับเข้ามาทำงานในบ้านอีกครั้ง

สูญเสียที่พึ่ง วันคุณตาจากไป จุดเริ่มต้นชีวิตใต้เงาอำนาจแม่ ติดกล้อง-ขู่-บงการ
ภาพจำวัยเด็กของทราย อาจมีเพียงแสงสลัวรางของความสุข ช่วงเวลาสั้น ๆ ปีละครั้งกับการเดินทางไปต่างแดนกับแม่ ที่ดิสนีย์แลนด์ ดินแดนแห่งเวทมนตร์ คือฉากที่แม่ดูเหมือนแม่จริง ๆ ทำอาหารให้ พาไปเที่ยวทะเล แต่พอกลับสู่บ้านเอกมัย ความอบอุ่นนั้นก็จางหาย ทรายมักวาดรูปเจ้าหญิงดิสนีย์เพื่อปลอบประโลมใจ รอคอยแม่กลับจากงานด้วยภาพวาดในมือ แต่ทุกครั้ง รถของแม่ก็จะขับเลยผ่าน ประตูสู่โลกส่วนตัวของแม่ปิดสนิท ทิ้งให้ทรายอยู่กับพี่เลี้ยง และความรู้สึกโดดเดี่ยวที่กัดกินใจ
บาดแผลที่สาหัสกว่าการขาดความอบอุ่น คือฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริง ทรายถูกพี่เลี้ยง ที่เชื่อว่าเป็น มีนา กระทำย่ำยีทางเพศตั้งแต่วัยเยาว์ ความทรงจำอันเลวร้ายนี้ฝังลึก รอวันปะทุออกมาในภายหลัง ในโลกอันมืดมนนั้น มีเพียง คุณตา ที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ คอยให้ร่มเงา เป็นทั้งพ่อและผู้ปกป้องในความรู้สึกของทราย
ความฝันที่จะเป็นศิลปินให้ดิสนีย์ และการย้ายกลับไปสหรัฐอเมริกา คือแสงสว่างที่ทำให้ทรายทุ่มเทฝึกฝนวันละหลายชั่วโมง จนสามารถเข้าเรียนที่ CalArts สถาบันศิลปะชั้นนำได้สำเร็จ แต่คุณตากลับไม่ได้อยู่เห็นความสำเร็จนั้นนานนัก การจากไปของคุณตาตอนทรายอายุ 20 ปี เปรียบเหมือนการโค่นต้นไม้ใหญ่ที่เคยให้พักพิง ทรายกลับมาร่วมงานศพ พบเพียงรูปวาดที่ตาแอบเก็บใส่กรอบไว้อย่างดีในห้องนอน เป็นความรักที่ไม่เคยต้องเอ่ยคำ
เมื่อสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทร อำนาจในบ้านก็เปลี่ยนมือ แม่ เข้าควบคุมทุกอย่าง ทรัพย์สิน สมุดบัญชีของทรายถูกเก็บไปหมด ชีวิตในคอนโดที่สหรัฐฯ ซึ่งตาเคยช่วยซื้อไว้ กลับกลายเป็นกรงทองที่ถูกสอดส่องด้วยกล้องวงจรปิด แม่ติดต่อผ่านกล้อง ตำหนิการใช้จ่าย ขู่จะเก็บค่าเช่า ดูถูกพ่อผู้ให้กำเนิด และสั่งห้ามเอ่ยถึงคุณตา พฤติกรรมล้ำเส้นยังรวมถึงการแอบมองทรายขณะอาบน้ำ และการซื้อของขวัญ (กางเกงในลายลิงจับกล้วย) ที่แฝงนัยยะน่าขยะแขยง
ทรายตัดสินใจหนีสู่อิสรภาพอีกครั้ง ติดต่อพ่อชาวอังกฤษ ขอย้ายไปเริ่มต้นใหม่ที่ลอนดอน เงินเก็บส่วนตัวบวกกับแรงสนับสนุนจากพ่อ ทำให้ทรายได้หลุดพ้นจากกรงทองนั้น การทำงานในร้านดิสนีย์ การพบปะเพื่อนใหม่ที่เข้าใจ และการตัดสินใจครั้งสำคัญคือ การเข้าพบจิตแพทย์ คือจุดเริ่มต้นของการเยียวยา บาดแผลจากการถูกล่วงละเมิดในวัยเด็กผุดขึ้นมาชัดเจน จิตแพทย์แนะนำให้ทรายใช้การทำสมาธิและการจดบันทึกเพื่อทำความเข้าใจและจัดการกับความเจ็บปวด สุขภาพจิตของทรายค่อย ๆ ดีขึ้น ความนิ่งในใจเริ่มก่อตัว

วินาทีปลดแอก ต้องปกป้องตัวเอง ทวงชีวิตคืน
โควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ทรายหวนคิดถึงบ้านที่แท้จริง ทรายโทรหาแม่ บอกว่าคิดถึงและอยากกลับไทย อาจเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่พยายามหาเหตุผลให้กับการกระทำของผู้ที่เคยทำร้าย แต่ลึก ๆ แล้ว ทรายยังคงหวาดกลัวการต้องกลับไปอยู่ใต้อาณัติของแม่ และการต้องเผชิญหน้ากับ มีนา พี่เลี้ยงในฝันร้าย ที่ยังคงทำงานอยู่ที่บ้านหัวหิน
ณ ชายหาดหัวหิน ทะเลโอบกอดทราย มอบความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมี แต่การเผชิญหน้ากับอดีตเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ มีนา ยังคงทำเหมือนห่วงใย ทำให้ทรายสับสนและโทษตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะทรายขอให้แม่บ้านช่วยทาครีมกันแดด มีนา กลับเข้ามาแทรกแซง ยืนกรานจะทาให้เอง แม้ทรายจะปฏิเสธ ความอึดอัดก่อตัว และพุ่งถึงขีดสุดเมื่อมีนาทาครีมเสร็จ กลับ ดึงกางเกงว่ายน้ำของทรายลง แล้วยิ้มหัวเราะ
วินาทีนั้นเอง ที่ม่านหมอกแห่งความสับสนในใจทรายเปิดออก ทรายเห็นธาตุแท้ของปีศาจในคราบผู้ห่วงใย เห็นสายตาที่มองตนเป็นเหยื่อเสมอมา ประกอบกับการได้เห็นภาพเด็ก ๆ วิ่งเล่นอย่างมีความสุขบนหาดทราย ยิ่งทำให้ทรายตระหนักถึงอิสรภาพที่ตนเองถูกพรากไป และการต่อสู้ยาวนานเพื่อค้นหาตัวตน
ทรายเข้าใจแล้วว่า ความอบอุ่นจอมปลอมที่ได้รับมา คือเครื่องมือล่อลวง และถึงเวลาแล้วที่ ทรายต้องปกป้องตัวเอง ปลดแอกจากอำนาจและการคุกคามทั้งปวง เพื่อทวงคืนชีวิตที่มีความสุขและอิสระอย่างแท้จริงกลับคืนมา

วันเกิดต่อไปจะไม่ร้องไห้ คำสัญญาจากใจ ‘ทราย สก๊อต’ ถึงคุณตาบนฟ้า
หาดทรายขาว ทะเลสีครามแห่งหัวหิน โอบกอดร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งไว้ ทราย สก๊อต ทิ้งตัวลงในผืนน้ำที่คุ้นเคย ที่นี่คือบ้าน คือความปลอดภัยหนึ่งเดียวที่หัวใจของเขารับรู้ ทว่าเบื้องหลังความสงบนิ่งของเกลียวคลื่น คือมรสุมชีวิตอันหนักหน่วงที่ชายหนุ่มผู้นี้ฝ่าฟันมานานหลายสิบปี เรื่องราวของการถูกกระทำ ความเจ็บปวด การควบคุม และการดิ้นรนเพื่อทวงคืนอิสรภาพของตนเอง
หลังจากต้องเผชิญกับสารพัดเรื่องเลวร้าย ทรายตัดสินใจเล่าเรื่องที่ถูกมีนากระทำในวัยเด็กให้แม่ฟัง แม่ร้องไห้ ขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องได้ แต่กลับปิดท้ายด้วยประโยคชวนหัวเราะไม่ออกว่า นึกว่าลูกจะมาบอกว่าเป็นเอดส์เสียอีก แม่ไม่ยอมไล่มีนาออกทันที อ้างธุระที่กรุงเทพฯ ทิ้งให้ทรายอยู่กับความหวาดระแวง โชคดีที่ญาติ ๆ และพนักงานในบ้านช่วยดูแลไม่ให้มีนาเข้าใกล้ จนกระทั่งน้าสาวแท้ ๆ ต้องเข้ามาช่วยกดดัน แม่จึงยอมไล่มีนาออกไป
ช่วงเวลาหลังมีนาออกไป ทรายได้สัมผัสความอบอุ่นจากครอบครัวอย่างแท้จริง ได้ทำในสิ่งที่รัก คืองานอนุรักษ์ทะเล ว่ายน้ำเก็บขยะ ปีนเขา ชวนเพื่อนพนักงานทำกิจกรรม ทรายได้ลง National Geographic ได้เลี้ยงสุนัขตัวแรกชื่อ เดลต้า แต่ความสุขมักอยู่ไม่นาน แม่ยังคงไม่พอใจ เรียกงานอนุรักษ์ว่า สกปรก และพยายามควบคุม ขู่จะลงโทษทีมงานหากทรายไม่ทำตามคำสั่ง

จุดจบของชีวิตในบ้านหัวหินมาถึงในคืนที่หม้อแปลงไฟระเบิด แม่โทรมาตะคอก กล่าวหาว่าทรายโง่ ใช้แอร์จนไฟดับ และมีเจตนาเผาบ้าน ก่อนจะวิ่งมาทุบกระจกและประตูห้องนอนอย่างบ้าคลั่ง ทรายในวัย 25 ต้องหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัวสุดขีด และตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านน้าสาว ทิ้งบ้าน ทิ้งทะเล ทิ้งผู้คนและสุนัขที่รักไว้เบื้องหลัง
ปลายปี 2021 ความจริงอันโหดร้ายที่สุดก็เปิดเผย เมื่อทรายเห็นภาพแม่จ้าง มีนา กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง เหตุผลของแม่คือ มีนาเป็นพนักงานที่ดี และสามารถเดินทางไปดูแลบ้านที่ต่างประเทศได้ คำอธิบายนั้น ทำให้ทรายและน้าสาวเงียบงัน หมดสิ้นความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงครอบครัวนี้ ทรายย้ายออกจากบ้านน้า ความพยายามสุดท้ายในการแจ้งความเรื่องถูกข่มขืนก็ล้มเหลว ตำรวจแจ้งว่าคดีนี้ต้องให้แม่เป็นพยาน
สองปีที่ผ่านมา ทรายถูกตัดขาด ไร้บ้าน ไร้การติดต่อจากครอบครัวในวันเกิดหรือยามเจ็บป่วย ไม่สามารถไปร่วมงานสวดของลุงได้ เพราะมีนาอยู่ที่นั่น แต่ทรายไม่เคยท้อ ยังคงกัดฟันทำงานอนุรักษ์ทะเลที่รักต่อไปด้วยเงินส่วนตัวที่มีอยู่อย่างจำกัด เพราะรู้ว่ายังมีชีวิตอื่น ๆ ใต้ทะเลที่รอความช่วยเหลือ
ทรายยอมรับว่าการกระทำของแม่ที่จ้างมีนากลับมานั้น เจ็บปวดยิ่งกว่าการกระทำของมีนาเองหลายเท่า มันคือการฆ่าหัวใจและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของทรายทิ้ง แต่ถึงกระนั้น ทรายเลือกที่จะไม่จมอยู่กับความทุกข์ และเขียนเรื่องราวทั้งหมดนี้ออกมาเพื่อปลดปล่อยความลับอันทรมานใจ พร้อมคำสัญญากับตัวเองและคุณตาบนฟ้าว่า วันเกิดต่อ ๆ ไป ทรายจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว และขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบความรักที่ทรายโหยหามาตลอดชีวิต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ถึงบางอ้อ ทราย สก๊อต ทายาทสิงห์ กับ แฟนหนุ่ม มายด์ ลภัสลัล โปรไฟล์ไม่ธรรมดา
- เปิดเมนูอาหาร ทราย สก๊อต กินแค่ไข่ต้ม ไม่ใช่ลูกคุณหนูเรื่องเยอะ
- ดำรงค์ เชื่อ ทราย สก๊อต เจตนาดี แต่ไม่มีอำนาจไล่ นทท. ออกประเทศ
อ้างอิง : JSL Global Media เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย, ทราย – Merman Ψ 1 2