ข่าว

รพ.ชุ่ย สลับตัวทารกแรกคลอด พ่อเอะใจ ลูกเกือบไปอยู่พม่า นัดขอเยียวยา

หัวอกพ่อสุดช็อก ลูกแรกเกิดถูกสลับตัวจนเกือบได้ไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เอะใจขอตรวจ DNA กระทั่งโรงพยาบาลยอมรับผิดพลาดจริง นัดผู้เสียหายขอไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย

กำลังเป็นกรณีวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะกับฝั่งของสถานพยาบาลซึ่งล่าสุดมีเคสที่พ่อคนหนึ่งออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์พร้อมกับเปิดเผยเรื่องราวที่ลูกรน้อยเกือบถูกสลับตัวไว้เป็นอุทาหรณ์ เนื้อหาในโพสต์ดังกล่าวเล่าว่าลูกสาวตนเอง เกิดวันที่ 11 ส.ค.67 แต่เด็กหายใจเร็วเลยต้องแยกห้องกับแม่ โดยคนเป็นแม่นอนห้องพักฟื้น ส่วนลูกนอนห้องอภิบาลและต้องมีการให้ยาฆ่าเชื้อ 7 วัน

Advertisements

โรงพยาบาลให้เยี่ยมได้เวลา 18.30-20.00 น. ซึ่งฝ่ายพ่อเด็กกับภรรยาก็ไปเยี่ยมตั้งแต่วันที่ 12 ส.ค. ในห้องอภิบาลมีการห้ามถ่ายรูป แต่พ่อเด็กก็แอบถ่ายลูกไว้ทุกวัน เพื่อไว้ส่งให้ครอบครัวและญาติ ๆ ได้ดู

เหตุการณ์เริ่มมามีพิรุธในวันที่ 17 ส.ค.67 เมื่อไปเยี่ยมลูก ฝ่ายของพ่อพบว่า “หน้าลูกเปลี่ยน” เส้นผมก็เปลี่ยนจากผมยาวก็สั้น จากมีคิ้ว คิ้วก็หาย ป้ายชื่อที่ข้อมือซ้ายกับขาขวาก็หาย เสื้อผ้า ผ้าขนหนูก็ไม่ใช่ของลูกตนที่เคยเห็น ถามพยาบาลป้ายชื่อหายไปไหน ได้รับแจ้งกลับมาอาจหายตอนอาบน้ำ แล้วเสื้อผ้าในกล่องอาจจะสลับกันได้

ต่อมาวันที่ 18 ส.ค. ลูกครบกำหนดให้ยาฆ่าเชื้อ พ่อเด็กก็ไปรับกลับบ้าน แต่เมื่อมองใบฟหน้าลูกตอนกลับมาถึงบ้าน มองยังไงก็รู้สึกแปลก ๆ สับสนกับตัวเองว่าจะลูกตัวเองจริง ๆ ใช่หรือไม่ใช่

ช่วงที่เกิดความกังวล พ่อเด็กบอกว่าดูรูปที่ถ่ายไว้กับตัวจริงตลอด จนต้องโทรไปสอบถามโรงพยาบาลอีกครั้งเนื่องจากสงสัยว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง พอเจ้าหน้าที่รับสายฝ่ายพ่อเด็กขอให้ รพ. ช่วยรับรองหรือพูดให้สบายใจได้ไหมว่าทารกที่่รับกลับมาบ้านเป็นลูก ของตัวเองจริง ๆ ปลายสายก็ตอบโดยให้เหตุผลกลับมาว่า ลูกของคุณพ่อไม่เหมือนเด็กคนอื่น ต้องให้ยา 7 วันที่ข้อมือจะมีรอยช้ำจากการถูกเจาะเลือดมัน

ส่วนทำไมผมสั้นลง และรอยคิ้วก็หายไป ทาง รพ.ก็บอกว่าเด็กหน้าเปลี่ยนทุกวัน จนคืนวันที่ 20 ส.ค.67 พ่อเด็กทนไม่ไหวเลยโพสต์ลงในกลุ่มให้เพื่อนๆ ดูว่าเด็กในรูปคนเดียวกันไหม ส่วนใหญ่บอกว่าคนละคน แนะนำให้ไปโรงพยาบาลไปตรวจ DNA รวมกับในใจก็คิดว่าคนละคน เช้าวันที่ 21 ส.ค.67 จึงรีบพาลูกกับภรรยาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบแล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้พยาบาลฟังทั้งหมด แล้วก็เริ่มการเจาะเลือด

Advertisements

ผลออกมา คือ เด็กกรุ๊ป B ผมกรุ๊ป AB ภรรยากรุป A เมื่อทราบความจริงพ่อเด็กรับตามตรงว่าโกรธและโมโหมาก

จากนั้น รอง ผอ.รพ. มาช่วยแก้ผัญหาที่เกิดขึ้น พ่อเด็กมีการขอเจอลูกตัวจริงในที่ 21 ส.ค. ซึ่งรพ.ก็หาเด็กจนเจอ มีการเจาะเลือดทั้ง 2 ครอบครัว ครอบครัวอีกฝ่ายเป็นชาวเมียนมาซึ่งผลเลือด B ทั้งบ้าน ส่วนลูกของพ่อเด็กตัวจริง ผล AB

พ่อเด็กบอกอีกว่าได้คุยกับอีกครอบครัว คิดว่าน่าจะสลับกันวันเสาร์เพราะอีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจอยู่ทำไมลูกมีคิ้ว ทั้งที่ตอนแรกไม่มี

ตอนนี้ที่ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบคือเจาะเลือดให้ฟรีแล้วก็พาไปตรวจ DNA ตอนนี้รอผล DNAแล้วจะนัดไกล่เกลี่ยกันอีกที

ล่าสุดเจ้าของโพสต์ได้มาอัปเดตเรื่องที่เกิดขึ้นว่า#อัปเดตล่าสุด 15/9/67 ผล DNA ออกแล้ว ผมได้ไปคุยกับทางโรงพยาบาลมาแล้วในวันที่ 13/9/67 ผลก็เป็นไปตามนั้นเด็กสลับตัวกันจริง ทางโรงพยาบาลจึงรับผิดชอบ โดยให้สิทธิรักษาลูกผมฟรีแบบพิเศษ ซึ่งแบบพิเศษที่เขาว่าคือไม่ต้องต่อคิว ถ้าจะไปให้โทรไปบอกเขาว่าเป็นอะไรเขาจะเตรียมทำเอกสารไว้ให้จนน้องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ แค่นั้น ผมจึงขอค่าเยียวยาจิตใจไปสองแสนบาทโดยแบ่งให้บ้านของชาวเมียนมาด้วยหนึ่งแสนบาท”

“โดยสองครอบครัวไม่ได้เข้าไปคุยพร้อมกันคุยคนละวันแต่ที่หมอบอกเขาจะให้สิทธิเหมือนกันทั้งสองครอบครัว โดยทางโรงพยาบาลบอกว่ารักษาฟรีทำได้เลยทันที ส่วนเงินเขาให้รอไปอีก 2 อาทิตย์ แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้ครบไหมอาจจะครบหรือไม่ครบเขาจะไปลงขันรับบริจาคกันก่อน มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”

“ไม่เป็นไรรอก็รอครับเรื่องแบบนี้ทางโรงพยาบาลน่าจะทำให้จบให้เร็วที่สุดไม่น่าปล่อยเวลาให้มันนานเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ ฝากด้วยครับเพื่อนๆ ทำอะไรอย่าประมาท ทำอะไรควรมีหลักฐานยืนยัน ในกรณีนี้ถ้าผมไม่มีหลักฐานยืนยันจบครับลูกผมไปอยู่เมียนมาแล้ว! #ผมมาโพสต์เป็นกรณีศึกษาไว้นะครับ”.

เด็กแรกเกิดสลับตัว

ปมสลับตัวเด็กทารก รพ. รับพลาดจริง พร้อมนัดไกล่เกลี่ย

ความคืบหน้าล่าสุด ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร โดยยอมรับเป็นความผิดพลาดของโรงพยาบาลจริง คาดว่าเกิดเหตุสลับตัวขณะนำเด็กไปตรวจ

อย่างไรก็ดีเมื่อพ่อของเด็กท้วงติงถึงความผิดปกติ รพ.ได้ดำเนินการส่งตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งในวันนี้ (16 ก.ย.) โรงพยาบาลได้นัดพ่อแม่ของเด็กมาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายด้วย.

พ่อเด็กโพสต์เฟซบุ๊กแฉ รพ. ทำเด็ดแรกเกิดสลับตัว
แฟ้มภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button