พรรคเพื่อไทย ประกาศตั้งรัฐบาลร่วม 2 ลุง เผยแบ่งจำนวนกระทรวงให้แล้ว
พรรคเพื่อไทย ประกาศตั้งรัฐบาลร่วม 2 ลุง และพรรคอื่นๆ 9 พรรค รวม 11 พรรค เบื้องต้นแบ่งจำนวนกระทรวงไว้ให้แต่ละพรรครอไว้แล้ว
พรรคเพื่อไทย และ พรรคร่วมรัฐบาล รวม 11 พรรค ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงการจัดตั้งรัฐบาลก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ในวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.)
น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้อ่านแถลงการณ์ ในการจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค รวม 314 โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองรวม 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีการแก้ไขประมวลมาตราอาญา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ได้มีมติร่วมกันเสนอชื่อนาย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกพรรคเพื่อไทยต่อรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการรวบรวมพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พรรคภูมิใจไทย 71 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐจำนวน 40 ที่นั่ง พรรคไทยสร้างชาติ 36 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง พรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทยจำนวน 141 พรรค
และพรรคการเมืองอีก 5 พรรค ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า 2 ที่นั่ง เพื่อไทยรวมพลัง 2 ที่นั่ง พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง พรรคท้องที่ไทย 1 ที่นั่ง และพรรคสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง
พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาธิการ หรือผู้แทน มาตกลงร่วมและแบ่งงานกันทำ พรรคภูมิใจไทย 4 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง, พรรคพลังประชารัฐ 2 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง, รวมไทยสร้างชาติ 2 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง, ชาติไทยพัฒนา ทำหน้าที่รัฐมนตรี 1 กระทรวง, ประชาชาติ 1 กระทรวง, เพื่อไทย 8 กระทรวง รัฐมนตรีช่วย รัฐมนตรีประจำสำนัก รวม 9 ตำแหน่ง
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นอกจากจะจัดสรรตำแหน่งแล้ว ยังมีการแบ่งงานกันทำ โดยทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันจะนำนโยบายพรรคเพื่อไทย ที่หาเสียงไว้ในการบริหารประเทศ กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ดินทำกิน ขึ้นค่าแรง 600 บาท ก่อนปี 2570 ขึ้นเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ เพิ่มราคาพิชผลทางเกษตร แก้ปัญหาความขัดแย้งในภาคใต้ แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อความประชาธิปไตยมากขึ้น ปราบทุจริต และละเว้นหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
ทั้งนี้พรรคร่วมจะนำนโยบายมาบูรณาร่วมกัน พร้อมปรับเสริม พรรคร่วมรัฐบาลให้เป็นประโยชน์กับประชาชนมากสุด และจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมขอกราบเรียนว่าในขณะนี้ ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญอันดับแรก ที่จะต้องเร่งแก้ไข เพราะประชาชนเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ สถานหารณ์หนี้สินครัวเรือน ภาคธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางได้รับผลกระทบมาอย่างยาวนา ต้องแก้ไขเร่งด่วน ควบคู่กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นของประเทศให้กลับคืนมา
พรรคไทยเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลตระหนักดีว่า ในสถานการณ์ดังกล่าว เราไม่อาจทอดเวลาได้มากกว่านี้ หรือจำนนต่อสถานการณ์ขัดแย้ง ที่ประชาชนที่อยู่ในวงล้อเสียงโอกาสทุกขณะ
การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่บนฐานความรับผิดชอบต่อประชาชน ในสถานการณ์ที่ปัญหาทุกด้านส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องรุนแรง แม้พรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทกรรมหรือคำ กล่าวหาที่รุนแรงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรารับรู้ความขัดแย้งดังกล่าวด้วยใจที่เป็นธรรม และตั้งใจมุ่งสู่เป้าหมาย ที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นเป้าหมายหลักในวาระนี้คือการเข้ามาร่วมรับผิดชอบในวาระประเทศและวาระ ของประชาชน
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายด้วยการแก้ปัญหาให้กับ ประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งทำงานเพื่อฟื้น
โครงสร้างเศรษฐกิจ กำหนดนโยบาย พัฒนามาตรการกลไกเพื่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างสร้างสรรค์ พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า “ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะมีอดีตพรรคการเมืองใน รัฐบาลที่แล้วร่วมรัฐบาล แต่ทุกพรรคจะร่วมกันทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็น ประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ดังเช่นที่ทุกพรรคการเมืองได้เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลัง ประชาชน และเพื่อไทย” และพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความรักสามัคคี ปรองดองของคนในชาติ และจะร่วมกันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป
จากแถลงการณ์และเจตจำนงดังกล่าวข้างต้น เราจึง “ขอรับการสนับสนุนจากท่านสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน และทุกพรรคการเมือง มาร่วมกันผลักดันวาระประเทศ เพื่อดำรงความมุ่งหมาย ที่มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ และดูแลสถาบันหลักของชาติเป็นสำคัญ ร่วมกันลด เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งในประเทศ ร่วมกันพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งและการกินดีอยู่ดีของ ประชาชน และมีความเป็นประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ขึ้น”