ประวัติ หยก จากผู้ต้องหา ม.112 อายุน้อยที่สุด สู่นักสู้เสรีภาพชุดนักเรียน
พาไปรู้จักประวัติ ‘น้องหยก’ ผู้ต้องหา ม.112 และนักเคลื่อนไหวที่ต่อสู่เพื่อเสรีภาพของนักเรียน ทั้งในเรื่องของเครื่องแต่งกายและทรงผม ก่อนจะถูกให้พ้นสภาพการเป็นนักเรียนจากโรงเรียนดังระดับประเทศ ล่าสุดโรงเรียนเปิดประตูรั้วให้เข้าเรียนแล้ว จ
วันนี้ Thaiger จึงอยากพาทุกคนไปดูด้วยกันว่า น้องหยกเป็นใครมาจากไหน และมีจุดเริ่มต้นอย่างไรก่อนมาเป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแต่งชุดนักเรียน
‘น้องหยก’ ผู้ต้องหา 112 วัย 15 ปี นักเคลื่อนไหวชุดนักเรียน
‘น้องหยก’ คือเด็กสาววัย 15 ปี ที่เป็นผู้ต้องหาคดี ม.112 ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเธอถูกแจ้งจับโดย อานนท์ กลิ่นแก้ว หนึ่งในสมาชิกหลักของ ศปปส. ซึ่งย่อมาจาก ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ชื่อของหยกเริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลายอย่าง รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนทั่วประเทศ โดยหยกได้มีส่วนในการเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย อาทิ งานรำลึกถึงการจากไปของ “วัฒน์ วรรลยางกูร”, ราษฎรไล่ตู่ และ 13 ตุลาหวังว่าสายฝนจะพาล่องไป
จากการร่วมกิจกรรมและตื่นรู้ทางการเมือง หยกเริ่มมีบทบาทในการก่อตั้ง “นักเรียนล้มฯ” พร้อมเคลื่อนไหว 3 นโยบายหลักคือ ให้ประชาชนอายุ 15 ปี มีสิทธิเลือกตั้ง, ปลดแอกกัญชาเสรี และ นโยบายข้อ 3 ไฟเย็น
ต่อมาหยกได้เปิดเผยว่า เธอถูกคุกคามและตามตัวถึงบ้านและโรงเรียนมากถึง 3 ครั้ง โดยผู้ชายและผู้หญิงหลายคน ซึ่งตอนที่พวกเขาไปที่บ้านหยกออกไปธุระ อีกฝ่ายจึงแจ้งกับครอบครัวว่าลูกสาวผิดปกติและให้พาไปหาจิตแพทย์ อีกทั้งยังมีตำรวจกล่าวว่า “มีลูกแบบนี้ฆ่าตัวตายดีกว่า” ก่อนที่จะพยายามไปดักรอพบหยกที่โรงเรียน โดยการกดดันครูและโรงเรียน ทว่าได้โดนปฏิเสธไป นอกจากนี้หยกยังถูกโพสต์ข่มขู่จากชายฉกรรจ์อีกหลายครั้งด้วยเช่นกัน
ก่อนที่ต่อมา หยกจะถูกแจ้งจับมาตรา 112 โดย อานนท์ กลิ่นแก้ว ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่กล่าวหาว่าเธอร่วมกิจกรรมรณรงค์ให้ปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกม. 112 ตอนงาน 13 ตุลาหวังว่าสายฝนจะพาล่องไป ณ บริเวณเสาชิงช้า
ทำให้สน.สำราญราษฎร์ออกหมายเรียกหยก ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ทว่าเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับการสอบปลายภาคของเด็กสาววัย 14 ปีเศษ หยกจึงฝากทนายเลื่อนนัดเป็นวันที่ 9 เมษายน ทว่าตำรวจกลับขอศาลออกหมายจับหยก จนทำให้หยกกลายเป็นผู้ต้องหา 112 ไปโดยปริยาย
การจับกุมตัวหยก เริ่มต้นขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่ ‘นายบังเอิญ’ พ่นคำว่า 112 ลงบนกำแพงวัดพระแก้ว ซึ่งหยกได้ไปติดตามข่าวการจับกุมและให้กำลังใจบังเอิญ ทว่าตำรวจกลับรวบตัวเธอไปด้วยอีกรายจากกรณีหมายจับ 112 ก่อนหน้านี้ ทั้งยังแจ้งข้อหา 368 เพิ่ม ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน
จากเหตุการณ์นั้นหยกได้อ้างว่า ตำรวจใช้ความรุนแรงและเข้าข่ายคุกคามทางเพศ โดยการล้วงมือเข้าในเสื้อเพื่อหยิบไอแพดของเธอ ก่อนที่หยกจะถูกนำตัวไปที่ศาล โดยเธอปฏิเสธการประกันตัวและการใช้ทนาย
หยกถูกควบคุมตัวไว้ที่บ้านปรานี จังหวัดนครปฐม นานหลายสิบวัน ก่อนจะถูกปล่อยออกมาในสภาพที่เต็มไปด้วยผื่นแดงคันทั่วแผ่นหลัง โดยในระหว่างนั้นหยกได้โดนคนในโซเชียลข่มขู่ทำร้ายร่างกายและฆาตกรรมหลายต่อหลายครั้ง
หยก นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพชุดนักเรียน
หลังจากเป็นอิสระจากบ้านปรานี หยกก็ได้กลับไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ โดยเธอเป็นผู้ที่สอบได้ลำดับที่ 1 ในการเข้าเรียนต่อสายศิลป์จีน ระดับชั้นม.4
ด้านหยก เธอมีคำถามเกี่ยวกับอำนาจนิยมและเสรีภาพของนักเรียน ทำให้ในวันหนึ่งหยกได้ตัดสินย้อมผมเป็นสีชมพูและสวมใส่ชุดไปรเวทไปเรียน โดยเธอได้บอกว่า การแต่งกายและทรงผมไม่ใช่ตัวชี้วัดผลการเรียน แต่ปัญหาคือโครงสร้างของการศึกษาไทย และอยากให้มีเสริภาพทรงผมตลอดจนเครื่องแต่งกายในโรงเรียนทุกแห่ง
ก่อนที่ต่อมาหยกได้อัปเดตว่า “โรงเรียนบอกว่าไล่เราออกแล้ว บอกว่าให้เราจำไว้ว่าต่อไปนี้เราคือบุคคลภายนอก” พร้อมเล่าว่าครูมาขอคุย ก่อนถามว่าไปทำอะไรมาทำไมถึงโดนตามและไม่ปลอดภัย โดยในระหว่างการสนทนาครูถามว่าเธอไลฟ์อยู่หรือไม่ ซึ่งหยกปฏิเสธและได้ตอบไปว่าอัดเสียง ครูจึงตำหนิหยกว่า “รักษาสิทธิ์แต่ละเมิดสิทธิคนอื่น”
หลังจากนั้นรองผู้อำนวยการของโรงเรียน ก็แจ้งกับหยกว่า “จะคืนค่าเทอมให้ จำไว้นะว่าเธอคือบุคคลภายนอก” ต่อมาทางโรงเรียนได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่า เหตุผลที่หยกพ้นสภาพนักเรียน ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการแต่งกายหรือสีผม แต่เป็นเพราะปัญหาเรื่องการมอบตัวเข้าเรียน ขณะที่นางตรีนุช รมว.กระทรวงศึกษาธิการก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า โรงเรียนไม่สามารถไล่หยกออกได้
หยกพยายามปีนรั้วโรงเรียนเพื่อเข้าเรียน
ช่วงสายในวันต่อมา หยกก็ได้เดินทางมาที่โรงเรียนเช่นเดิมเพื่อเรียนหนังสือ แต่โรงเรียนได้ปิดประตูไว้ เธอจึงทำการปีนรั้วเข้าโรงเรียน
ก่อนที่ต่อมาเธอได้ทำเช่นเดียวกันในวันที่ 2 และเปลี่ยนไปปีนเข้าทางหน้าต่างแทนในวันที่ 3 ซึ่งหยกได้เผยว่า เธอต้องได้รับการศึกษา เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กทุกคน
กระทั่งในวันที่ 19 มิถุนายน 2566 โรงเรียนได้กลับมาเปิดประตูรั้วให้หยกตามปกติอีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากกระแส #saveหยก ในโลกออนไลน์ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่ก่อนหน้านี้โรงเรียนออกมาแจ้งว่า หยกไม่ใช่นักเรียนเพราะมอบตัวไม่ครบถ้วน เนื่องจากไม่มีผู้ปกครอง
ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงข้อมูลที่ได้จากผอ.โรงเรียนดังกล่าวว่า ยังไม่ได้ให้หยกออกจากโรงเรียนและยังคงสภาพการเป็นนักเรียนของหยกไว้ ทำให้โรงเรียนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในทวิตเตอร์
น้องหยก กับการต่อสู้ในอำนาจนิยมของโรงเรียน
ในปัจจุบัน หยก เด็กสาววัย 15 ปี ผู้ต้องหาคดี ม.112 ยังคงต่อสู้อย่างหนักทั้งคดีที่เธอถูกกล่าวหา และการลุกขึ้นมาตั้งคำถามต่อสิทธิเสรีภาพบนร่างกายของนักเรียน พร้อมท้าชนกับอำนาจนิยมในโรงเรียน ที่มาพร้อมกฎระเบียบของชุดนักเรียนและทรงผม ซึ่งเธอเชื่อว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเรียนแต่อย่างใด
การต่อสู้ของหยกได้รับเสียงตอบหลับที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วยและอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี รวมไปถึงกลุ่มคนที่คิดต่าง และมองว่าหยกสุดโต่งเกินไป
ทว่าไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า เสียงของหยกเริ่มก้องกังวานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากการต่อสู้ตามลำพัง สู่การจุดประกายแนวคิดและความหวังของเด็กอีกหลายคน เนื่องจากล่าสุด ‘น้องข้าว’ นักเรียนอีกคนก็ได้ลุกขึ้นมาแต่งไปรเวท เพื่อสู้ไปพร้อมกับอุดมการณ์ของหยก ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของชาวเน็ตที่แตกกระจายเป็น 2 ทาง.