‘เฟาซี’ ชี้ สหรัฐ จะไม่ ‘ล็อกดาวน์’ ซ้ำ แม้ยอดป่วยโควิดเดลต้าพุ่ง
หมอใหญ่ของ สหรัฐ ออกมาประกาศว่าทางการจะไม่สั่งใช้มาตรการ ล็อกดาวน์ ซ้ำอีก แม้ยอดป่วยโควิดเดลต้าจะเพิ่มสูงในสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม สำนักข่าวชาแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า นาย แอนโธนี เฟาซี อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อในสหรัฐฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชื้อสายเดลต้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่ประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
โดยหมอใหญ่สหรัฐฯระบุว่า สถานการณ์จะแย่ลงอย่างแน่นอน แต่จำนวนประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดนั้นมากพอที่จะทำให้ทางการสหรัฐฯไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ซ้ำอีก ถึงแม้ว่าจะไม่มากพอที่จะเอาชนะโรคโควิดได้
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่ายอดผู้ป่วยโควิดใหม่ทั่วประเทศทวีตัวขึ้นเป็นสองเท่าในรอบสิบวันที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าทางการสหรัฐฯจะเลือกไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศได้
ก่อนหน้านี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหรือ CDC ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้รายงานถึงโควิดสายพันธุ์เดลต้า หรือ โควิดสายพันธุ์อินเดียว่าสามารถแพร่เชื้อโควิดได้ง่ายเทียบเท่ากับโรคสุใส
โควิดสายพันธ์เดลต้า มีค่า R0 หรือค่าเฉลี่ยของการแพร่ระบาด ผู้ติดเชื้อคนนึง จะกระจายเชื้อต่อไปยังผู้อื่นได้กี่คน ในเอกสารบอกว่า พอๆกับสุกใส โดยอีสุกอีใสค่า R0 8-9 ประมาณว่า ผู้ติดเชื้อหนึ่งราย จะแพร่ต่อได้อีก เฉลี่ย 8-9 ราย
ในเอกสารยังได้เปรียบเทียบด้วยว่า อัตราที่โควิดสายพันธุ์ดังกล่าวจะแพร่เชื้อไปยังประชาชนที่ฉีดวัคซีนและยังไม่ฉีดวัคซีนมีความใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนจะมีความปลอดภัยกว่าประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 และสามารถลดอาการป่วยรุนแรงได้ถึงร้อยละ 90
ขณะนี้ประเทศสหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 35 ล้านราย และ มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วอย่างน้อย 6 แสนราย