เล่นโคตรดี! ไฮไลท์ อาร์เซนอล 2-0 แมนซิตี้ : เอฟเอ คัพ รอบรองฯ – ‘โอบา’ เบิ้ล แนวรับปืนจุติ
เล่นโคตรดี! ไฮไลท์ อาร์เซนอล 2-0 แมนซิตี้ : เอฟเอ คัพ รอบรองฯ – ‘โอบา’ เบิ้ล แนวรับปืนจุติ
อาร์เซนอล 2-0 แมนซิตี้ – เมื่อคืนที่ผ่านมา (19 กรกฎาคม) เวลา 01.45 น. การแข่งขันฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ ฤดูกาล 2019-2020 รอบรองชนะเลิศ คู่ระหว่าง “เดอะ กันเนอร์ส” อาร์เซนอล ดวลแข้งกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ณ สนามเวมบลีส์ สเตเดียม ประเทศอังกฤษ
11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
- อาร์เซนอล: (GK) มาร์ติเนซ, มุสตาฟี่, ดาวิด ลุยซ์, เทียร์นีย์, เบเญริน, เซบาญอส, ชาก้า, เมตแลนด์-ไนลส์, เปเป้, ลากาแซตต์ และ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้: (GK) เอแดร์ซอน, วอล์คเกอร์, การ์เซีย, ลาปอร์กต์, เมนดี้, กุนโดกัน, เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, มาห์เรซ, เฆซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง
“ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ของ มิเกล อาร์เตต้า เกมวันนี้มาแปลกส่ง เอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ ออกสตาร์ทในตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้าย ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า หลุดไปนั่งเป็นเพียงสำรอง ส่วน แมนฯ ซิตี้ ใช้ผู้เล่นชุดเดียวกับที่เปิดบ้านเอาชนะ อาร์เซนอล ในช่วง โปรเจกต์ รีสตาร์ท นำมาโดยสามประสานในแดนหน้าอย่าง ริยาด มาห์เรซ กาเบรียล เฆซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ เป็นจอมทัพ
นาทีที่ 3 ดานี่ เซบาบอส โดนแย่งบอลในพื้นที่อันตราย บอลหลุดมาถึง ราฮีม สเตอร์ลิง ได้เปิดยัดไปในกรอบเขตโทษ แต่แนวรับ ปืนใหญ่ ยังสกัดเอาไว้ได้
นาทีที่ 9 ชโคดราน มุสตาฟี่ ไปเล่นยากในกรอบเขตโทษตัวเองแบบไม่จำเป็นเจอ สเตอร์ลิง ฉกบอลไปได้แบบไม่ฟาล์ว ‘หนูหริ่ง’ จะจ่ายเข้ากลางก็ยังไปติดบล็อกของ กองหลังอาร์เซนอล และจากจังหวะต่อเนื่อง เดอ บรอยน์ ทางซ้าย ตักไปเสาสอง มาห์เรซ โหม่งไม่ดี ปืนใหญ่ เคลียร์ได้อีก
ช่วง 10 นาทีแรกเป็น “เดอะ ซิติเซนส์” เปิดเกมบุกใส่ อาร์เซนอล ตามที่กูรูหลายๆ คนวิเคราะห์เอาไว้
นาทีที่ 13 เซบาญอส ยกให้ ลากาแซตต์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษล็อคผ่าน เอแดร์ซอน ซัดเข้าประตูไปแล้ว แต่ธงล้ำหน้าขึ้น ปรากฏว่าภาพช้าตำแหน่งยืนถือว่าใกล้เคียงกับกองหลังตัวสุดท้ายนิดเดียว
นาทีที่ 16 ดาวิด ลุยซ์ ลอยขึ้นมาตัดบอลได้จากกลางสนาม เจ้าตัวแทงให้ ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง อย่างคม คราวนี้ไม่มีล้ำหน้าไปแล้ว ดวล 1-1 กับ เอแดร์ซอน แต่ว่ายิงแรงไปติดตัวแบบน่าผิดหวัง
GOAL! นาทีที่ 18 อาร์เซนอล ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะค่อยๆ ลำเลียงขึ้นมาจากผู้รักษาประตูอย่าง มาร์ติเนซ บอลผ่านเท้าผู้เล่น ปืนใหญ่ ถึง 10 คน สุดท้ายเป็น นิโกลาส์ เปเป้ ทางขวา โยนข้ามไปที่เสาสอง โอบาเมยอง สอดมาจิ้มข้างเท้าด้านนอกกระแทกเสาสองเหลี่ยมในเข้าประตู ปืน 1-0 เรือใบ
หลังจากได้ประตูขึ้นนำ รูปเกมของ “เดอะ กันเนอร์ส” ดีอย่างเห็นได้ชัด มีจังหวะครองใส่ แมนฯ ซิตี้ บ้าง
นาทีที่ 28 เบเญริน ไปจ่ายขวางสนามพลาดง่ายๆ เดอ บรอยน์ ได้ซัดตรงหัวกะโหลก ติดบล็อก ชาก้า
นาทีที่ 30 แมนซิตี้ เล่นพลาดกันเอง คราวนี้ เอแดร์ซอน ไปจ่ายบอลไม่ตรงเพื่อน กรานิท ชาก้า แซะกลับมาให้ โอบาเมยอง หันหลังให้ประตูพยายามจะไหลให้เพื่อนแต่น้ำหนักกั๊กไปหน่อย เจอสกัดทิ้งไป
นาทีที่ 34 อาร์เซนอล บีบกันสวยอีกแล้ว บอลหลุดไปถึง โอบาเมยอง ทางซ้าย ฝากต่อให้ เปเป้ ได้เปิดให้ ลากาแซตต์ เข้าฮอสที่เสาแรกแต่ เอแดร์ซอน ก็ยังพุ่งมาเซฟตัดหน้าไว้ได้เอาไว้ได้
นาทีที่ 40 จังหวะเตะมุมทางฝั่งซ้าย มุสตาฟี่ ได้โหม่งสะบัดบอลเกือบมุดใต้คาน เอแดร์ซอน ปัดออกหลัง
จบ 45 นาทีแรก ปืนใหญ่ ฟอร์มดีเกินคาด ดักทาง แมนฯ ซิตี้ ไว้ได้หมด กุมความได้เปรียบด้วยสกอร์ 1-0
นาทีที่ 48 จากจังหวะเตะมุมบอลมาถึง เควิน เดอ บรอยน์ แถวสอง หลอกจ่ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิง เข้าขวาได้ตั้งท่าปั่นเน้นๆ แต่คุมน้ำหนักไม่ได้ บอลข้ามคานไปไกล
นาทีที่ 49 เซบาญอส เสียบอลให้กับ ซิลบา ในแดนตัวเอง กัปตันทีมแมนซิฯ พาบอลมาจ่ายออกซ้ายให้ เดอ บรอยน์ ตบกลับเข้ามาให้ สเตอร์ลิง ได้วางเท้ายิงโล่งๆ หลุดเสา วันนี้ สเตอร์ลิง คลำเป้าไม่เจอ
นาทีที่ 52 วอล์คเกอร์ ตักจากขวาไปซ้ายให้ เมนดี้ ลองวอลเลย์ตูมเข้าไปแบบไม่จับ เข้าซอง มาร์ติเนซ
นาทีที่ 54 ริยาด มาห์เรซ เลื้อยอยู่ทางขวา ก่อนเอาชนะ เมตแลนด์-ไนลส์ มาได้ เจ้าตัวเข้าซ้ายเลือกซัดไปที่เสาแรก เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ พุ่งมาเซฟไว้ได้ นี่ถือเป็นโอกาสยิงตรงกรอบหนแรกของ เรือใบ
นาทีที่ 61 กาเบรียล เฆซุส โดนทำฟาล์วหน้ากรอบเขตโทษ แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นจากฟรีคิกระยะหวาดเสียว เดอ บรอยน์ วิ่งมาปั่น เลือกไปที่เสาแรก หลุดออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 64 สเตอร์ลิง ท้าดวลกับ มุสตาฟี่ ในกรอบเขตโทษ ‘บังมุส’ โชว์จังหวะเสียบบอลแบบ 50-50 ผู้ตัดสินให้เป็นลูกเตะมุม เช็ค VAR แล้วก็ยังยืนยันคำตัดสิน ก่อนที่จังหวะเตะมุมต่อเนื่อง มุสตาฟี่ จะโขกสกัดไม่ดีบอลไปตกใส่หน้าของ สเตอร์ลิง โหม่งไม่ถนัดเหมือนคืนให้ผู้รักษาประตูอย่าง มาร์ติเนซ
นาทีที่ 66 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องขยับส่งทั้ง โฟเด้น และ โรดรี้ ลงมาแทน กุนโดกัน และ มาห์เรซ
นาทีที่ 67 เดอ บรอยน์ ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ตบเข้ากลางจะให้ ดาบิด ซิลบา เข้าชาร์จแต่ไม่ถึง แมนฯ ซิ ได้แค่เฉี่ยวมาหลายครั้งหลายหลายหนแล้ว
GOAL! นาทีที่ 70 ปืนใหญ่ ทำได้! เทียร์นีย์ พาบอลลากสวนขึ้นมาเองทางซ้าย ก่อนฝากให้ เปเป้ คืนกลับมาให้ เทียร์นีย์ อีกรอบ แนวรับสกอตแลนด์ ยกให้ โอบาเมยอง ใช้สปีดหลุดไปเข้าไปในเขตโทษโล่งๆ คนเดียว เจ้าตัวเลือดเย็นพอจะสังหารลอดหว่างขา เอแดร์ซอน ปืนขึ้นนำ 2-0 นี่เป็นจังหวะยิงครั้งแรกและครั้งเดียวในครึ่งหลังของ อาร์เซนอล เท่านั้น
นาทีที่ 73 แมนซิตี้ จะเอาประตูตีไข่แตกคราวนี้มากันสวยทางซ้าย สเตอร์ลิง ได้ง้างจังหวะสำคัญ แต่ติดสองบล็อกของทั้ง ดาวิด ลุยซ์ และ ชโคดราน มุสตาฟี่
นาทีที่ 79 อายเมริค ลาปอร์กต์ เริ่มหงุดหงิดเจาะไม่เข้าไม่รู้จะส่งให้ใคร ลองซัดไกลเหินข้ามคาน
นาทีที่ 83 หลังจาก ซิตี้ ครองอยู่ในแดน ปืนใหญ่ พักใหญ่ แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างสรรค์เกมเหมือนที่เคยเป็นมา เดอ บรอยน์ ตัดสินใจโยนให้ ลาปอร์กต์ ได้ซัดไกลอีกรอบ คราวนี้หลุดกรอบไปนิดเดียว
ทดเวลาบาดเจ็บ 7 นาที หลังจากที่ มุสตาฟี่ มีอาการซึ่งดูเหมือนจะเป็นแฮมสตริง จนต้องถูกเปลี่ยนตัวกับ ร็อบ โฮลดิ้ง นอกจากนี้ ปืนใหญ่ ยังส่งทั้ง วิลล็อค ตอร์เรร่า และ โคลาซินัช ลงมาขันเกมรับเพิ่มอีก
นาทีที่ 90+5 เบนจามิน เมนดี้ ได้เปิดยัดมาที่เสาแรก แต่ มาร์ติเนซ ก็ยังชกทิ้งไปได้อีก
นาทีที่ 90+7 โรดรี้ ลองปั่นไกลเฮือกสุดท้ายไม่ตรงเป้า วันนี้ ซิตี้ ยิงเข้ากรอบลูกเดียวเท่านั้น เหลือเชื่อ!
หมดเวลา 90 นาที อาร์เซนอล อัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 2019-2020 จากฟอร์มการเล่นสุดสะเด่าวของแนวรับ โดยเฉพาะ ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งได้รับคำชมล้นหลาม!
สถิติที่น่าสนใจหลังเกม
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนเขี่ยตกรอบฟุตบอลถ้วยในประเทศ (คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ) เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 (เอฟเอ คัพ รอบที่ 5 กับ วีแกน แอธเลติก)
- “เรือใบสีฟ้า” ยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นสถิติที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2018 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล (ยิงไม่ตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว)
- เปเป้ มีส่วนร่วมกับประตูไปแล้ว 17 ลูกในทุกรายการ (8 ประตู 9 แอสซิสต์) มีเพียง ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง (27 ลูก) เท่านั้นที่มีส่วนร่วมมากกว่า
- แม้ โอบาเมยอง จะยิงได้ถึงสองประตูและได้รับตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์ ทว่า ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังบราซิเลียน ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง โชว์ฟอร์มในระดับสุดยอด สัมผัสบอลมากที่สุดในทีม อาร์เซนอล 48 ครั้ง, เอาชนะลูกกลางอากาศได้ถึง 6 ครั้ง เคลียร์บอลพ้นอันตรายไป 11 ครั้ง และแย่งบอลมาครองได้อีก 4 ครั้ง
ภาพจาก Arsenal
ภาพจาก Whoscord