นอกเสียจากข่าวดีเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่ทางด้าน ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนซิตี้ ไปได้ 2-0 ทำให้เร่งการเป็นแชมป์ของ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปอีกหนึ่งเกมด้วยกัน แต่นั่นยังมีข่าวดีสำหรับ เดอะ ค็อป อีกเช่นกัน
นั่นก็คือการที่พวกเขา ไปลุ้นให้ เรือใบสีฟ้า ที่มีคิวลงเล่นเกมตกค้างกับ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อลในวันพุธที่ 11 มีนาคม และจะลงเล่นเกมสุดสัปดาห์กับวันเสาร์ที่ 14 มีนาคมกับ เบิร์นลี่ย์ ได้รับความพ่ายแพ้ทั้งสองเกมดังกล่าว
โดยเวลาลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีแต้มตามหลังทีมของ เยอร์เกน คล็อปป์ อยู่ถึง 25 คะแนน และหากต้องแพ้ให้กับสองเกมต่อไปที่จะถึง ก็จะทำให้แชมป์ตกเป็น ลิเวอร์พูล ทันที โดยทีพวกเขาไม่จำเป็นต้องเก็บชัยชนะในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน หรือเกมอื่น ๆ
When Liverpool can win the Premier League after Man City's defeat at Man Utdhttps://t.co/9f2CNMBSuw pic.twitter.com/5MaQbNAmsN
— Mirror Football (@MirrorFootball) March 9, 2020
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากสองเกมของ แมนซิตี้ ที่จะพบกับ อาร์เซน่อล และ เบิร์นลีย์ พวกเขาไม่พลาดเลยแม้แต่เกมเดียว หงส์แดง ก็ต้องไปเก็บอีก 6 คะแนนเต็มให้ได้ในเกมที่จะพบกับ เอฟเวอร์ตัน คืนวันจันทร์ที่ 16 มีนาคมและเกมพบกับ คริสตัล พาเลซ วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม
และหากเป็นไปตามนี้ ลิเวอร์พูล ก็จะเป็นแชมป์เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก โดยก่อนหน้านี้มีการทำสถิติคว้าแชมป์เร็วที่สุดคือในเดือนเมษายนถึง 5 ครั้ง ประกอบด้วย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์วันที่ 14 เมษายน ฤดูกาล 2000-01, วันที่ 22 เมษายน ฤดูกาล 1999-2000, วันที่ 22 เมษายน ฤดูกาล 2012-13
ส่วนอีกสองครั้งนั้นเป็น อาร์เซนอล ได้แชมป์วันที่ 25 เมษายน ฤดูกาล 2003-04 และ เชลซี ได้แชมป์วันที่ 30 เมษายน ฤดูกาล 2004-05
ที่มา: Mirror
